นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ซึ่งการประชุมดังกล่าว เป็นการพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท เพื่อรับมือมาตรการภาษีสหรัฐฯ ก่อนจะนำเสนอต่อคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
สำหรับการประชุมดังกล่าว หน่วยงานต่างๆ ได้นำโครงการเข้ามาเสนอเพื่อของบประมาณตามกรอบที่กำหนดไว้ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการท่องเที่ยว ด้านการลดผลกระทบภาคการส่งออก/เพิ่มผลิตภาพ และด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ ซึ่งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ สำนักงบประมาณ ได้ทำการกลั่นกรองในเบื้องต้นแล้ว ทั้งนี้ ที่ประชุมวันนี้ยังไม่ได้มีมติในการอนุมัติโครงการ
“วันนี้ยังไม่ได้มีข้อสรุป ยังไม่ได้อนุมัติโครงการ เพราะเราต้องพิจารณาโครงการอย่างรอบคอบ โดยท่าน รมว. คลัง ซึ่งเป็นประธาน ได้ให้กลับไปดูรายละเอียดซ้ำ เพื่อให้โครงการมีประโยชน์สูงสุดสามารถรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด ตอนนี้มีเป็นร้อยโครงการก็ต้องดูให้เหมาะสม”
ส่วนกำหนดการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจเสร็จสิ้นแล้วซึ่งคาดว่าจะเริ่มประชุมในเร็วๆ นี้
“ที่ยังไม่เคาะโครงการไม่ใช่เพราะหน่วยงานต่างๆ ของบมาเยอะเกินไป แต่เราอยากดูให้ละเอียดว่าโครงการเป็นประโยชน์ต่อประเทศจริงหรือไม่ ส่วนการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ปัจจุบันหน่วยงานต่างๆ ทำงานกันอย่างเต็มที่มีโดยยืนยันว่ามีแนวโน้มที่ดี“
สำหรับกระแสการปรับครม. ที่มีรายชื่อติดในโผที่ต้องโยกย้ายจากกระทรวงการคลังจะกระทบกับโครงการที่อยู่ระหว่างผลักดันหรือไม่ ดร. เผ่าภูมิ กล่าวว่า รัฐมนตรีทุกท่านต้องทำงานให้ได้เต็มความสามารถ และเมื่อถึงเวลานายกรัฐมนตรีจะประเมินและหาจุดที่เหมาะสมที่สุด
“เรื่องนี้เป็นอำนาจของท่านนายกรัฐมนตรี เราคงไม่ไปก้าวล่วง ตอนนี้ทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สาเหตุที่ รมว.คลัง มีการตีกลับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและให้นำมาพิจารณาทบทวนใหม่ เนื่องจากเกือบทุกหน่วยงานที่เสนอแผนใช้เงินเข้ามาสูงเกินจริง รวมมูลค่าหลายแสนล้านบาท เกินกว่างบประมาณที่ตั้งไว้เพียง 1.57 แสนล้านบาท อีกทั้งหลายโครงการยังมีความซ้ำซ้อน ไม่ตรงกับ 4 ภารกิจการใช้เงิน บางส่วนเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่ไม่ตอบโจทย์ และไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ทันสิ้นเดือนก.ย.นี้ ตามแผนเร่งด่วน
สำหรับหน่วยงานที่เสนอของบประมาณเข้ามาสำคัญ อาทิ