วันนี้ (27 พฤษภาคม 2568) นายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวถึงความคืบหน้าการเสนอโครงการภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อเสนอของหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งล่าสุดได้มีข้อเสนอเข้ามาจำนวนมาก ขณะที่หลักเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติ จะมีคณะกรรมการกลั่นกรองเป็นผู้พิจารณาโครงการทั้งหมดอีกครั้ง
ทั้งนี้ที่ผ่านมา สำนักงบประมาณ ได้ระบุถึง แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาทว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเร่งรัดการใช้จ่ายผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถดำเนินการได้ทันที ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงาน การกระจายรายได้ และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในทุนมนุษย์และการปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพิ่มผลิตภาพแรงงาน และวางรากฐานการพัฒนาในระยะยาว
ทั้งนี้ เนื่องจากการดำเนินการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดังกล่าว เป็นการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความ เข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ
ดังนั้น จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของ ระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและ สร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ พ.ศ. 2567 อย่างเคร่งครัด รวมทั้งดำเนินการอย่างรอบคอบโปร่งใส เป็นธรรม และทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและ ระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด ผลสัมฤทธิ์ และ ประโยชน์ที่ ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
ด้านสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า การดำเนินโครงการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาและดำเนินการให้สอดคล้องกับระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ และ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งการวางแนวทางการกำกับและเร่งรัดติดตามผลการดำเนินงานของโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันภายในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งจะเป็นไปตาม วัตถุประสงค์ในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลัง ของปี 2568
ขณะเดียวกันการพิจารณาโครงการของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้อง ให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณตามหลักเกณฑ์การจัดสรรตามมติขอคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณาถึงความพร้อมในการดำเนินโครงการเพื่อให้สามารถผูกพันการใช้จ่ายและดำเนินการแล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
รวมทั้งยังช่วยรองรับผลกระทบจากมาตรการทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลักที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก และ ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งผลกระทบต่อภาคแรงงาน
ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นว่า ในหลักการของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท โดยเฉพาะแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในส่วนที่สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำอุปโภคบริโภค พัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อการผลิต และการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (ปรับปรุงช่วงที่ 1 พ.ศ. 2566 - 2580)
ทั้งนี้ หากหน่วยงานได้รับการจัดสรรงบประมาณด้านน้ำแล้ว ขอให้เร่งรัดดำเนินการ พร้อมทั้งเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบด้วย