แผนโยกงบประมาณ1.57แสนล้านบาท โครงการแจกเงินดิจิทัล 10000บาท จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรัฐ ไม่ว่าจะเป็นโครงการซ่อมสร้างถนน การบริหารจัดการน้ำ การท่องเที่ยว และการการบริหารจัดการในชุมชน เพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจฐานราก เพื่อรับมือกำแพงภาษีสหรัฐ
นายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง อุปนายก สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มองว่าการจัดทำแผนลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเรื่องจำเป็นในยามประเทศอยู่ในภาวะไม่ปกติและจะเห็นได้ชัดในช่วงไตรมาสที่2 ของปีนี้ โดยเฉพาะผลกระทบจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ
แต่ในทางกลับกัน การกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้นอกจากเป็นวงเงินที่ไม่สูงแล้วยังเป็นเบี้ยหัวแตก เพราะเปิดให้ทุกส่วนราชการ ยื่นเสนอของบประมาณและโครงการ ทำให้ เห็นประโยชน์ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และเกรงว่าเม็ดเงินที่ได้จะตกถึงระบบฐานรากไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
โดยมองว่า ตามข้อเท็จจริง รัฐบาลต้องทุ่มเม็ดเงินพุ่งเป้าไปที่ คลัสเตอร์ที่เปราะบางที่สุด เช่นธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ขาดสภาพคล่อง เพื่อให้ธุรกิจดังกล่าวมได้เงินเติมและเดินได้ต่อ เนื่องจากวงเงินที่มีไม่สูงหากเทียบกับ
สำหรับผู้รับเหมาจะได้ประโยชน์หรือไม่มองว่าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแต่ ในทางกลับกัน ต้องการให้รัฐบาล ช่วยสนับสนุน ให้กลุ่มรับเหมารายเล็กที่รับงานและขาดสภาพคล่อง
รัฐบาลต้องออกมาตรการออกมาโดยให้ รัฐสำรองค่าใช้จ่ายจากการซื้อวัสดุก่อสร้างจากร้านค้าให้ก่อน เพื่อให้ผู้รับเหมาสามารถทำงานได้ต่อ แต่หากค่างวดออกแล้ว สามารถหักค่าใช้จ่ายค่าจ้างของผู้รับเหมารายนั้นๆได้ทันที
ซึ่งลักษณะนี้จะช่วยให้การดำเนินโครงการเดินได้อย่างเป็นระบบและไม่เกิดการทิ้งงานซึ่งปัจจุบันมีปัญหามากกว่า1,000โครงการทั่วประเทศ มูลค่าตั้งแต่หลักแสนไปจนถึง50ล้านบาท
“การจัดสรรงบประมาณให้หลายหน่วยงาน เป็นลักษณะการ กระจายตัว ทำให้ กระตุ้นอย่างละนิดละหน่อยผลที่ตามมาไม่มี ส่วนไหนที่เติบโต เพราะเม็ดเงินที่ได้มีเท่าที่ให้ เหมือน กินข้าวคนละคำ รัฐบาลควรมองเซ็กเตอร์ที่ชัดเจนและเกิดการจ้างงานลงสู่เศรษฐกิจฐานรากได้จริง “