อินฟอร์มาฯ-จุฬาดันไทยขึ้นแท่นศูนย์กลางบริหารจัดการน้ำอาเซียน

22 พ.ค. 2568 | 10:06 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ค. 2568 | 10:06 น.

อินฟอร์มาฯผนึกจุฬาและพันธมิตรเดินหน้าผลักดันไทยขึ้นแท่นศูนย์กลางบริหารจัดการน้ำอาเซียน มุ่ง สร้างความร่วมมือทางธุรกิจ แลกเปลี่ยนความรู้ระดับนานาชาติ

รศ.ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับการบริหารจัดการน้ำในภูมิภาคด้วยนวัตกรรม หลังจากที่ประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านน้ำครั้งสำคัญ ทั้งอุทกภัย ภัยแล้ง และการขาดแคลนน้ำสะอาด 

ซึ่งมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเติบโตของเมือง ความท้าทายดังกล่าวกระทบทั้งเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงต้องอาศัยทั้งนวัตกรรม เทคโนโลยีและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน 

“คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมุ่งพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อผลักดันโซลูชันสู่การใช้งานจริง”

ทั้งนี้ ล่าสุดได้ดำเนินการร่วมกับอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย และพันธมิตร จัด Thai Water Expo และ Water Forum 2025 นำเสนอเทคโนโลยีจัดการน้ำอัจฉริยะ ภายใต้แนวคิดปูทางสู่อนาคตยั่งยืนและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยโซลูชันน้ำอัจฉริยะ

อินฟอร์มาฯ - จุฬาดันไทยขึ้นแท่นศูนย์กลางบริหารจัดการน้ำอาเซียน

โดยจะมีการนำเสนอทิศทางการปรับตัวเชิงนโยบายและแนวโน้มการลงทุนที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญภายใต้บริบทของ Climate Change และความไม่แน่นอนของทรัพยากรน้ำ 

รวมถึงองค์ความรู้ที่ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศ การบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ในระบบจัดการน้ำ การใช้เครื่องมือภูมิสารสนเทศขั้นสูงในการคาดการณ์ภัยพิบัติ และการจัดการคาร์บอนในระบบน้ำและน้ำเสีย ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนระบบน้ำของภูมิภาคให้ตอบโจทย์ทั้งความยั่งยืนและความมั่นคงในระยะยาว

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ – ประเทศไทย กล่าวว่า งานดังกล่าวจะรวบรวมทุกภาคส่วนด้านน้ำ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการจัดการทรัพยากรน้ำ การบำบัดน้ำเสีย และนวัตกรรมด้านน้ำอัจฉริยะ เพื่อส่งเสริมโซลูชันน้ำที่ยั่งยืนซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 

และสนับสนุนการพัฒนาระบบน้ำอัจฉริยะ เพื่อการจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน รองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเติบโตของเมือง โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 18,000 รายจากทั่วอาเซียนและทั่วโลก

นอกจากนี้ ยังมีการสัมมนาวิชาการนานาชาติ และการต่อยอดธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญและเครือข่ายพันธมิตรน้ำระดับประเทศ เช่น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, กรมทรัพยากรน้ำ, สถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน โดยเชื่อว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการบริหารจัดการน้ำของอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งงานจะมีวันที่ 2–4 ก.ค. 68 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์