กยศ.แจงคืบหน้า พ.ร.บ.ใหม่ ลดเบี้ยปรับ เหลือ 0.5% เปิดทางคืนเงินส่วนเกิน

21 พ.ค. 2568 | 06:25 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ค. 2568 | 06:25 น.

กยศ. ชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินงานตาม พ.ร.บ. ใหม่ ลดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี ปลดผู้ค้ำทันทีเมื่อปรับโครงสร้างหนี้ พร้อมคืนเงินให้ผู้กู้ที่ชำระเกินแล้วกว่า 2,600 ราย รวมกว่า 73 ล้านบาท

ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)เปิดเผยว่า การดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ซึ่งมีสาระสำคัญในการช่วยเหลือผู้กู้ยืมให้สามารถลดภาระหนี้ และมีโอกาสผ่อนชำระได้ตามศักยภาพอย่างเป็นธรรม

ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)

โดยเฉพาะการปรับลำดับการชำระหนี้ใหม่เป็น “เงินต้น – ดอกเบี้ย – เบี้ยปรับ” จากเดิมที่ตัดเบี้ยปรับก่อน รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 1% ต่อปี และลดเบี้ยปรับจากเดิมสูงสุด 18% เหลือเพียง 0.5% ต่อปี

กยศ. ยังเปิดให้ผู้กู้สามารถทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ได้ ซึ่งจะมีผลให้ผู้ค้ำประกันถูกปลดทันที ลดภาระด้านการค้ำประกันที่หลายคนกังวล พร้อมเปิดทางให้ผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 15 ปี โดยจะต้องชำระเสร็จสิ้นภายในอายุไม่เกิน 65 ปี

หากปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน จะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับเดิมเต็ม 100% โดยขณะนี้มีผู้กู้ยืมที่ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้วกว่า 598,000 บัญชี แบ่งเป็นแบบกระดาษกว่า 261,000 บัญชี และแบบออนไลน์กว่า 337,000 บัญชี

ในด้านการคำนวณยอดหนี้ใหม่ (Recalculation) ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ กยศ. ได้ดำเนินการคำนวณหนี้ใหม่ให้กับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้จำนวนกว่า 3.8 ล้านบัญชี ซึ่งผลการคำนวณพบว่ามียอดหนี้ลดลงถึง 3.5 ล้านบัญชี และมีผู้กู้ยืมที่มีสิทธิได้รับเงินคืนจากการชำระเกินกว่า 286,000 ราย

ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนขอคืนเงินแล้วกว่า 26,000 ราย และ กยศ. ได้โอนเงินคืนแล้วจำนวนกว่า 2,600 ราย เป็นวงเงินรวมกว่า 73.7 ล้านบาท ผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม กยศ. ยอมรับว่าขณะนี้แอปพลิเคชัน “กยศ. Connect” ยังไม่สามารถรองรับการคำนวณหนี้ใหม่ได้อย่างเต็มรูปแบบ และอยู่ระหว่างการพัฒนาเวอร์ชันใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ขณะที่ผู้กู้สามารถตรวจสอบสถานะบัญชีได้ทางเว็บไซต์ของกยศ.

อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจคือกรณีการหักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 บาท โดยกยศ. ชี้แจงว่ามีบางบัญชีที่มีหนี้ค้างจากปีก่อนหน้า ทำให้เมื่อเริ่มหักยอดหนี้ในปี 2568 ระบบอาจรวมยอดหนี้ค้างเข้าไปด้วย กยศ. จึงได้ออกแนวทางดูแลแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 

  • กลุ่มที่ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว จะต้องชำระงวดแรกด้วยตนเองและแจ้งนายจ้างเพื่อป้องกันการหักเงินเดือนเพิ่ม
  • กลุ่มที่ยังไม่ได้ปรับโครงสร้างหนี้ สามารถยื่นคำขอลดจำนวนหักเงินเดือนได้ภายในวันที่ 24 พฤษภาคม

สำหรับงวดเดือนพฤษภาคม หรือภายใน 14 มิถุนายน สำหรับงวดเดือนมิถุนายน ผ่านเว็บไซต์ กยศ. ซึ่งจะมีการแจ้งผลผ่าน SMS และแจ้งนายจ้างผ่านระบบ e-PaySLF

นอกจากนี้ กยศ. ยังได้ออกมาตรการส่งเสริมให้ผู้กู้ชำระหนี้ปิดบัญชีในช่วงวันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568 โดยให้ส่วนลดเงินต้น 5–10% และส่วนลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี หรืออยู่ในช่วงปลอดหนี้ ซึ่งสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิได้ทางเว็บไซต์

กยศ. ได้ย้ำถึงความสำคัญของการชำระคืนเงินกู้ เพื่อให้กองทุนสามารถดำเนินงานอย่างยั่งยืน และเป็นแหล่งเงินหมุนเวียนให้กับนักเรียน นักศึกษาในรุ่นต่อ ๆ ไป โดยหวังว่าทุกคนที่เคยได้รับโอกาสจาก กยศ. จะส่งต่อโอกาสนั้นให้กับคนรุ่นหลัง ด้วยการเป็นผู้กู้ที่มีความรับผิดชอบ และร่วมสร้างระบบการศึกษาที่แข็งแรงและเท่าเทียมในระยะยาว