ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)เปิดเผยว่า การดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ซึ่งมีสาระสำคัญในการช่วยเหลือผู้กู้ยืมให้สามารถลดภาระหนี้ และมีโอกาสผ่อนชำระได้ตามศักยภาพอย่างเป็นธรรม
โดยเฉพาะการปรับลำดับการชำระหนี้ใหม่เป็น “เงินต้น – ดอกเบี้ย – เบี้ยปรับ” จากเดิมที่ตัดเบี้ยปรับก่อน รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 1% ต่อปี และลดเบี้ยปรับจากเดิมสูงสุด 18% เหลือเพียง 0.5% ต่อปี
กยศ. ยังเปิดให้ผู้กู้สามารถทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ได้ ซึ่งจะมีผลให้ผู้ค้ำประกันถูกปลดทันที ลดภาระด้านการค้ำประกันที่หลายคนกังวล พร้อมเปิดทางให้ผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 15 ปี โดยจะต้องชำระเสร็จสิ้นภายในอายุไม่เกิน 65 ปี
หากปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน จะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับเดิมเต็ม 100% โดยขณะนี้มีผู้กู้ยืมที่ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้วกว่า 598,000 บัญชี แบ่งเป็นแบบกระดาษกว่า 261,000 บัญชี และแบบออนไลน์กว่า 337,000 บัญชี
ในด้านการคำนวณยอดหนี้ใหม่ (Recalculation) ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ กยศ. ได้ดำเนินการคำนวณหนี้ใหม่ให้กับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้จำนวนกว่า 3.8 ล้านบัญชี ซึ่งผลการคำนวณพบว่ามียอดหนี้ลดลงถึง 3.5 ล้านบัญชี และมีผู้กู้ยืมที่มีสิทธิได้รับเงินคืนจากการชำระเกินกว่า 286,000 ราย
ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนขอคืนเงินแล้วกว่า 26,000 ราย และ กยศ. ได้โอนเงินคืนแล้วจำนวนกว่า 2,600 ราย เป็นวงเงินรวมกว่า 73.7 ล้านบาท ผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กยศ. ยอมรับว่าขณะนี้แอปพลิเคชัน “กยศ. Connect” ยังไม่สามารถรองรับการคำนวณหนี้ใหม่ได้อย่างเต็มรูปแบบ และอยู่ระหว่างการพัฒนาเวอร์ชันใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ขณะที่ผู้กู้สามารถตรวจสอบสถานะบัญชีได้ทางเว็บไซต์ของกยศ.
อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจคือกรณีการหักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 บาท โดยกยศ. ชี้แจงว่ามีบางบัญชีที่มีหนี้ค้างจากปีก่อนหน้า ทำให้เมื่อเริ่มหักยอดหนี้ในปี 2568 ระบบอาจรวมยอดหนี้ค้างเข้าไปด้วย กยศ. จึงได้ออกแนวทางดูแลแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
สำหรับงวดเดือนพฤษภาคม หรือภายใน 14 มิถุนายน สำหรับงวดเดือนมิถุนายน ผ่านเว็บไซต์ กยศ. ซึ่งจะมีการแจ้งผลผ่าน SMS และแจ้งนายจ้างผ่านระบบ e-PaySLF
นอกจากนี้ กยศ. ยังได้ออกมาตรการส่งเสริมให้ผู้กู้ชำระหนี้ปิดบัญชีในช่วงวันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568 โดยให้ส่วนลดเงินต้น 5–10% และส่วนลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี หรืออยู่ในช่วงปลอดหนี้ ซึ่งสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิได้ทางเว็บไซต์
กยศ. ได้ย้ำถึงความสำคัญของการชำระคืนเงินกู้ เพื่อให้กองทุนสามารถดำเนินงานอย่างยั่งยืน และเป็นแหล่งเงินหมุนเวียนให้กับนักเรียน นักศึกษาในรุ่นต่อ ๆ ไป โดยหวังว่าทุกคนที่เคยได้รับโอกาสจาก กยศ. จะส่งต่อโอกาสนั้นให้กับคนรุ่นหลัง ด้วยการเป็นผู้กู้ที่มีความรับผิดชอบ และร่วมสร้างระบบการศึกษาที่แข็งแรงและเท่าเทียมในระยะยาว