กยศ.ไขข้อข้องใจ: การปรับโครงสร้างหนี้ ยอด Recal การหักเงินเดือน 3,000 บาท

18 พ.ค. 2568 | 05:13 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ค. 2568 | 05:15 น.

​​​​​​​ไขข้อข้องใจทุกประเด็นร้อนเกี่ยวกับ กยศ. ทั้งการลดดอกเบี้ยจาก 7.5% เหลือ 1%, การคำนวณหนี้ใหม่ที่ทำให้ 3.8 ล้านบัญชีได้ประโยชน์, วิธีแก้ปัญหาถูกหักเงินเดือน 3,000 บาท และมาตรการลดหย่อนหนี้ 5-10% เพื่อปิดบัญชี

เป็นที่ทราบกันดีว่ากฎหมายใหม่ของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่มีนาคม 2566 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงหลายประการที่ส่งผลต่อผู้กู้ยืม ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ย การปรับลำดับการชำระหนี้ และการคำนวณหนี้ใหม่ (Recal) ซึ่งคุณควรรู้ว่ามีผลกระทบอย่างไรต่อยอดหนี้ของคุณ

5 ความเปลี่ยนแปลงสำคัญของกฎหมาย กยศ. ใหม่

  1. ลำดับการชำระหนี้: เปลี่ยนจาก "เงินเพิ่ม → ดอกเบี้ย → เงินต้น" เป็น "เงินต้น (ส่วนที่ครบกำหนด) → ดอกเบี้ย → เงินเพิ่ม"
  2. อัตราดอกเบี้ย: ลดลงจากไม่เกิน 7.5% ต่อปี เหลือไม่เกิน 1% ต่อปี
  3. อัตราเงินเพิ่ม: ลดลงจากไม่เกิน 1.5% ต่อเดือน เหลือไม่เกิน 0.5% ต่อปี
  4. การปรับโครงสร้างหนี้: เพิ่มสิทธิประโยชน์ เช่น ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากหนี้ ชำระทุกเดือนไม่เกิน 15 ปีและอายุไม่เกิน 65 ปี
  5. เงินเพิ่ม: พักแขวนไว้ หากผ่อนตรงกำหนดจะได้รับการยกเว้นเงินเพิ่ม

สถานะ Recal และผลกระทบ

การคำนวณหนี้ใหม่ (Recal) นอกระบบ ณ 30 กันยายน 2567 พบว่ามีจำนวน 3.8 ล้านบัญชี แบ่งเป็น:

  • กลุ่มที่ได้เงินคืน: 286,362 บัญชี (จะได้รับเงินคืนประมาณ 3,399.12 ล้านบาท)
  • กลุ่มที่มียอดหนี้ลดลง: 3,548,016 บัญชี (ยอดหนี้ลดลงประมาณ 46,225.6 ล้านบาท)
  • กลุ่มที่มียอดหนี้เท่าเดิม: 755 บัญชี
  • กลุ่มที่หนี้หมด (ปิดบัญชี): 80 บัญชี

การแสดงยอดหนี้ที่ไม่ตรงกันระหว่าง Mobile Application และ Website

ปัจจุบันผู้กู้อาจพบว่ายอดหนี้ที่แสดงใน Mobile Application และ Website ของ กยศ. ไม่ตรงกัน โดย:

  • Mobile Application: แสดงยอดหนี้ก่อนการ Recal
  • Website: แสดงยอดหนี้หลังการ Recal (คำนวณนอกระบบ)

ทั้งนี้ หลังคำนวณหนี้โดยระบบเสร็จสมบูรณ์ภายในกรกฎาคม 2568 จะมีการปรับปรุงยอดในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ให้ตรงกัน

วิธีตรวจสอบสถานะและดำเนินการ

  1. ตรวจสอบสถานะหนี้: เข้าเว็บไซต์ กยศ. คลิก
  2. กลุ่มที่ได้เงินคืน: ลงทะเบียนขอรับเงินคืนที่เว็บไซต์ กยศ. โดยจะได้รับเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน
  3. กลุ่มที่มียอดหนี้ลดลงหรือเท่าเดิม: ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ผ่านเว็บไซต์ กยศ. และยืนยันตัวตนผ่าน App ThaiID
  4. กลุ่มที่หนี้หมด: ถือว่าผู้กู้ได้ชำระหนี้ครบถ้วนปิดบัญชี

ทำไมถูกหักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 บาท

หากคุณพบว่ามีการหักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 บาท อาจเกิดจาก:

  1. มียอดค้างชำระหนี้ก่อนหักเงินเดือน
  2. ในระหว่างแจ้งหักเงินเดือน คุณไม่ได้ชำระส่วนต่างในวันที่ 5 ก.ค. ของงวดปีนั้นๆ

วิธีแก้ไข: ขอปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์หรือชำระยอดค้างชำระให้เสร็จสิ้น ตัวอย่างจริงจากผู้กู้ที่ปรับโครงสร้างหนี้พบว่า ยอดหนี้ลดลงจาก 279,445 บาท เหลือ 84,959 บาท และค่าผ่อนต่อเดือนลดลงจาก 1,620 บาท (บวกเพิ่ม 3,000 บาท) เหลือเพียง 480 บาท

งบประมาณที่ กยศ. ได้รับเพื่อคืนเงินให้ผู้กู้

กยศ. ได้รับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 2,838.64 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น:

  • 838.64 ล้านบาท สำหรับคืนเงินให้ผู้กู้ยืมตามกฎหมายใหม่
  • 2,000 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายให้นักเรียน/นักศึกษากู้ยืมในภาค 1/2568

แผนการคืนเงินให้ผู้กู้แบ่งเป็น 3 ปีงบประมาณ:

  • 2567: จำนวน 1,420 บัญชี เป็นเงิน 44.53 ล้านบาท
  • 2568: จำนวน 71,591 บัญชี เป็นเงิน 838.64 ล้านบาท
  • 2569: จำนวน 213,351 บัญชี เป็นเงิน 2,515.95 ล้านบาท

ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 มีผู้แจ้งความประสงค์ขอคืนเงินแล้ว 26,463 บัญชี เป็นเงิน 426.5 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับคืนทั้งหมดภายในเดือนพฤษภาคม 2568

มาตรการลดหย่อนหนี้เพื่อปิดบัญชี

กยศ. ได้ออกมาตรการลดหย่อนหนี้เพื่อให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้กู้ยืม โดยใช้ยอด Recal ณ 30 ก.ย. 67 เป็นยอดหนี้ตั้งต้น ผู้กู้จะได้รับส่วนลดต้นเงิน 5-10% และส่วนลดเบี้ยปรับ 100% เมื่อชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว

ลงทะเบียนขอรับสิทธิได้ที่ www.studentloan.or.th ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2568

สรุป

กฎหมายใหม่ของ กยศ. มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อผู้กู้ยืม ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยและเงินเพิ่ม การปรับลำดับการชำระหนี้ การคำนวณหนี้ใหม่ และมาตรการลดหย่อนหนี้ ผู้กู้ควรตรวจสอบสถานะและดำเนินการตามสิทธิที่พึงได้ เพื่อลดภาระหนี้และให้สามารถผ่อนชำระได้อย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อ กยศ. โดยตรงผ่านช่องทางที่ระบุในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ