คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ จัดตั้ง “องค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)” และปรับบทบัญญัติบางประการของ “องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย” เพื่อแยกบทบาทหน้าที่ ลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน พร้อมเร่งประเมินรูปแบบองค์กรให้เหมาะสมภายใน 2 ปี
โดยเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (กพม.) เสนอ ได้แก่
1. ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
2. ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..)
เพื่อให้หน่วยงานทั้งสองมีภารกิจชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อนกัน โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาเรียบร้อยแล้ว
ร่างพระราชกฤษฎีกาแรกว่าด้วยการจัดตั้ง “องค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)” หรือตัวย่อ “อบน.” (Night Safari Administrative Organization - NSA)
ซึ่งเป็นการโอนภารกิจเดิมจากสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (สพค.) มาให้ อบน. รับไปดำเนินการ โดย อบน. จะมีหน้าที่บริหารจัดการสวนสัตว์กลางคืนแบบไนท์ซาฟารี ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และยั่งยืน การอนุรักษ์สัตว์ป่า และสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
อบน. จะไม่สามารถเปิดไนท์ซาฟารีในจังหวัดหรือพื้นที่ใกล้กับสวนสัตว์ที่องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยดำเนินการอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนและใช้ทรัพยากรซ้ำซ้อน
โครงสร้างการบริหารของ อบน. จะมีคณะกรรมการบริหารไนท์ซาฟารีที่แต่งตั้งโดย ครม. ประกอบด้วยประธานกรรมการ ผู้แทนหน่วยงานรัฐ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงผู้อำนวยการที่มีวาระคราวละ 4 ปี ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน
เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ สพค. จะถูกยุบ และโอนภารกิจ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิและหนี้สิน ตลอดจนเจ้าหน้าที่และลูกจ้าง ไปสังกัด อบน. โดยผู้ไม่ประสงค์ย้าย จะได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินเยียวยาตามอายุงาน สูงสุดไม่เกินค่าจ้าง 300 วัน พร้อมเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 6 เท่าของเงินเดือน
การตั้ง อบน. ได้มีการวางแผนลดภาระงบประมาณรัฐ โดยในช่วง 3 ปีแรกจะได้รับเงินอุดหนุนรวม 153.5 ล้านบาท และตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป อบน. จะสามารถพึ่งพารายได้จากกิจกรรมเองโดยไม่ขอรับงบประมาณอีก
นอกจากนี้ ยังมีการลดจำนวนพนักงานจาก 360 ตำแหน่ง เหลือ 263 ตำแหน่ง พร้อมลดเงินเดือนและเริ่มนับอายุงานใหม่ ซึ่งจะมีการจ่ายเงินเยียวยาทั้งสิ้น 116.8 ล้านบาท จากทุนสะสมของหน่วยงาน
ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับที่สอง มีสาระสำคัญในการปรับบทบาทขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย โดยยกเลิกการรับโอนทรัพย์สินจาก สพค. เป็นทุน และเพิ่มข้อกำหนดให้องค์การสวนสัตว์ฯ ไม่สามารถดำเนินไนท์ซาฟารีในพื้นที่ที่ อบน. ดำเนินการอยู่ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการใช้ทรัพยากรและงบประมาณ
ครม. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ประเมินรูปแบบองค์กรและการบริหารจัดการของทั้ง อบน. และองค์การสวนสัตว์ฯ ให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี โดยพิจารณาความเห็นจากกระทรวงการคลัง มหาดไทย สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย