เอกชนชี้โยกเงินดิจิทัล 1.5 แสนล้านกระตุ้นศก.ดันจีดีพีโตได้ 1%

20 พ.ค. 2568 | 11:03 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ค. 2568 | 11:03 น.

เอกชนหนุนโยกเงินดิจิทัล 1.5 แสนล้านบาทใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ระบุช่วยดันจีดีพีโตได้สูงสุด 1% แนะเน้นโครงการขนาดกลาง

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจชะลอแจกเงินดิจิทัลเฟส 3 และโยกเงินงบ 1.57 แสนล้านบาท ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจว่า สนับสนุนนโยบายการนำเงินดังกล่าวมากระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการบริหารจัดการน้ำ คมนาคม ท่องเที่ยว ช่วยเอสเอ็มอี จ้างงาน กองทุนหมู่บ้าน และใช้ดิจิทัลพัฒนาการศึกษา 

ทั้งนี้ เนื่องจากเพราะประเมินว่าจะช่วยกระตุ้นจีดีพีประเทศเพิ่มขึ้น 0.7-1.0% แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากคือ การใช้งบประมาณที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ คุ้มค่าในระยะยาว ไม่ใช่แค่โครงการฉาบฉวย ใช้เงินโดยเปล่าประโยชน์ 

นอกจากนี้ ต้องการให้โครงการที่รัฐบาลดำเนินการนั้น เป็นโครงการขนาดกลาง มากกว่าโครงการขนาดใหญ่ หรือโครงการขนาดเล็ก เพราะขนาดกลางจะขับเคลื่อนได้เร็ว วงเงินไม่มากเกินไป 

ส่วนโครงการขนาดใหญ่ใช้เวลานาน บางโครงการแค่ขั้นตอนเวนคืนที่ดินก็นานหลายปีแล้ว ขณะที่โครงการขนาดเล็กอาจทำให้เสี่ยงต่อการทุจริตได้

สำหรับการใช้เงินพัฒนาระบบการจัดการน้ำนั้น อยากให้เป็นระบบสมาร์ท วอเตอร์ แมเนจเม้น และเชื่อมโยงเน็ตซีโร่ เพื่อให้โครงการตอบโจทย์ทั้งการพัฒนาประเทศ และมีส่วนช่วยระบบเศรษฐกิจไทยในภาพรวม 

ทั้งนี้ ควรพัฒนาระบบน้ำทั้งภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม โดยโครงการควรให้ท้องถิ่นและเทศบาลดำเนินการ เพื่อสร้างการเรียนรู้ร่วมกัน อีกทั้งหน่วยงานท้องถิ่นจะเข้าใจระบบน้ำในพื้นที่มากที่สุด 

อย่างไรก็ดี ไม่ควรแบ่งโครงการให้เล็ก หรือกระจายมากเกินไป เพราะอาจเกิดความซ้ำซ้อน ควรจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่พัฒนาโครงการ 

 

ขณะที่ด้านคมนาคม คาดว่าส่วนใหญ่จะใช้กับการปรับปรุงถนน แก้ปัญหาการจราจรคอขวด ซึ่งการทำถนนต้องการให้ใช้โอกาสนี้สนับสนุนสินค้าไทย เช่น ใช้ยางพาราในประเทศทำผิวถนน และควรเดินหน้าโครงการที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน มุ่งโครงการคมนาคมขนาดกลางเพื่อให้เกิดผลเร็วในด้านการใช้เงิน ที่ส่งต่อในระบบเศรษฐกิจ

ด้านท่องเที่ยว ขณะนี้สถานที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือแมนเมดเดสทิเนชั่น จะทำให้การท่องเที่ยวมีไฮซีซั่นตลอดปี ดังนั้นไทยต้องเดินหน้า และควรเป็นแบบสมาร์ททัวริซึ่ม เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว สร้างรูทการท่องเที่ยวแบบญี่ปุ่น 

และควรเน้นความยั่งยืน สร้างการมีส่วนร่วมกับนักท่องเที่ยว เพื่ออนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวให้สมบูรณ์ในระยะยาว ขณะที่ด้านการดูแลเอสเอ็มอี ควรเริ่มจากการปรับโครงสร้างหนี้ ปรับจำนวนงวดหนี้ให้เหมาะสม เพื่อให้เอสเอ็มอีมีทุนในการประกอบธุรกิจ และควรช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อที่ยังเป็นอุปสรรคสำคัญ 

ส่วนการจ้างงานต้องการให้เน้นการจ้างระยะยาว จ้างประจำ เพื่อให้ผู้ทำงานมีอาชีพ มีรายได้มั่นคง และด้านการใช้ดิจิทัลัฒนาการศึกษา อยากให้องค์ความรู้ด้านการนำเทคโนโลยมาใช้ประโยชน์ มากกว่าการสั่งซื้ออุปกรณ์ด้านดิจิทัลมาใช้งาน จนสุดท้ายใช้งานไม่เต็มที่ อยากให้ใช้งบประมาณที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อให้การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง