"พีระพันธุ์" ขอคลังลดภาษีดีเซล-เบนซิน หากกองทุนน้ำมันกระเป๋าฉีก

08 พ.ค. 2568 | 08:25 น.
อัปเดตล่าสุด :08 พ.ค. 2568 | 08:30 น.

ผ่าวาระลับ ครม. รองนายกฯ “พีระพันธุ์” ทำหนังสือแจ้งประกอบการพิจารณาการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน และดีเซล 1 บาท หากสถานการณ์เปลี่ยนกองทุนน้ำมันขาดทุน ให้คลังลดภาษีทันที

จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล อีก 1 บาท และร่างกฎหมายดังกล่าวได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา และมีผลตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมาแล้วนั้น 

จากการตรวจสอบข้อมูลมติครม. พบว่า กระทรวงพลังงาน ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดแจ้งข้อมูลประกอบการพิจารณา โดยลงชื่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง

กระทรวงพลังงาน ระบุด้วยว่า ในปัจจุบันราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกไม่ได้สูงมากนัก แต่ยังคงมีความผันผวนด้านราคา ค่อนข้างมากด้วยปัจจัยต่าง ๆ จนส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ ทำให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ต้องติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมัน เชื้อเพลิงในประเทศ และนำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีรมว.พลังงานเป็นประธาน 

ทั้งนี้เพื่อให้ กบน. มีการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสภาพคล่องดีขึ้น มีรายรับมากกว่ารายจ่ายประมาณวันละ 393.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นเดือนละ 11,610 ล้านบาท ส่งผลให้ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 27 เมษายน 2568 ติดลบ 49,981 ล้านบาท 

โดยแบ่งเป็นติดลบบัญชีน้ำมัน 4,616 ล้านบาท และบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ติดลบ 45,365 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 81,388 ล้านบาท

สำหรับการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล 1 บาท โดยใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อราคาขายปลีกของน้ำมัน เบนซินและน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ช่วยได้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งส่งผลให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงประมาณวันละ 102 ล้านบาท หรือคิดเป็นเดือนละ ประมาณ 3,064 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้น้ำมันในแต่ละวัน)

แต่เพื่อให้รัฐมีรายได้ที่มากขึ้นและมิให้เกิดผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชนในยามที่เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว จึงเห็นควรที่คณะรัฐมนตรีจะ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล 

อย่างไรก็ตาม หากเกิดสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลจนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขาดสภาพคล่อง ขอให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต พิจารณาปรับลดอัตราภาษีน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลลง เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย