นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ. จะดำเนินการเร่งประกาศให้ก๊าซกระป๋องเป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมามีข่าวการเกิดอุบัติเหตุก๊าซกระป๋องระเบิดในร้านอาหารอยู่บ่อยครั้ง
ทั้งนี้ แม้จะมีมาตรฐานควบคุมความปลอดภัยแล้ว แต่ผู้บริโภคก็ต้องใช้งานก๊าซกระป๋องให้ถูกต้องตามวิธีการใช้งานและคำเตือนที่ระบุไว้อย่างเคร่งครัด เพราะกระป๋องที่บรรจุก๊าซบิวเทนสำหรับเตาพกพานั้น ถูกออกแบบมาให้ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ โดยเฉพาะการนำไปบรรจุก๊าซ LPG ซึ่งเป็นก๊าซคนละประเภทกัน เพราะกระป๋องไม่สามารถทนความดันได้เหมือนถังก๊าซ LPG ตามบ้านเรือนทั่วไปที่ทำมาจากเหล็ก
“ปัจจุบันร้านอาหารประเภท ปิ้ง-ย่าง เป็นที่นิยมของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ซึ่งร้านดังกล่าวมักนำก๊าซกระป๋องมาใช้กับเตาปิ้งย่าง และพบว่ามีการนำกระป๋องที่ผ่านการใช้งานแล้วมาบรรจุก๊าซใหม่ ซึ่งเสี่ยงเกิดการระเบิด เนื่องจากก๊าซกระป๋องถูกออกแบบมาให้ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ห้ามใช้ซ้ำโดยเด็ดขาด”
ขณะนี้ มาตรฐานกระป๋องบรรจุก๊าซบิวเทน – ไม่สามารถบรรจุซ้ำได้ มอก. 4449 -2568 เป็นมาตรฐานภาคสมัครใจ ที่กำลังจะประกาศราชกิจจานุเบกษาในเดือนมิถุนายน 2568 นี้ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้งานก๊าซกระป๋องกันอย่างแพร่หลาย ทั้งในร้านอาหารและกิจกรรมเดินป่าต่าง ๆ
สำหรับข้อกำหนดที่สำคัญของมาตรฐานฉบับดังกล่าว คือ มีการทดสอบความทนความดันผิดรูป ทนความดันระเบิดเพื่อป้องกันการระเบิด รวมถึงมีข้อกำหนดให้กระป๋องมีอุปกรณ์ป้องกันการระเบิด เช่น ระบบระบายความดัน
และวาล์วที่สามารถตรวจจับอุณหภูมิ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น วาล์วจะเปิดอัตโนมัติ เพื่อระบายความดัน ทำให้กระป๋องไม่ระเบิด
นอกจากนี้ มาตรฐานยังกำหนดให้มีคำเตือนอันตรายที่ฉลาก เช่น เก็บให้ห่างจากเปลวไฟ พ้นจากแสงแดด ห้ามบรรจุซ้ำ รวมถึงการติดตั้งก๊าชกระป๋อง ควรติดตั้งตามที่ผู้ผลิตแนะนำ
อีกทั้งไม่ควรซื้อมาเก็บไว้ในบริเวณที่อากาศร้อนเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้กระป๋องก๊าซเสื่อมสภาพได้ ซึ่งขณะนี้ สมอ. อยู่ระหว่างเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ด สมอ. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ให้เป็นสินค้าควบคุมโดยเร็วต่อไป