“คุณสู้ เราช่วย” ทำไมแบงก์ชาติขยายเวลาออกไปอีก 2 เดือน เครดิตบูโรมีคำตอบ

26 เม.ย. 2568 | 09:14 น.
อัปเดตล่าสุด :26 เม.ย. 2568 | 09:14 น.

เครดิตบูโรแจงเหตุ เลือ่นโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ออกเป็น 2 เดือน เหตุเจ้าหนี้ส่งเข้าระบบเครดิต​บูโร เพียง 4.12 แสนบัญชี ลูกหนี้เซ็นสัญญา​แล้ว​ 2.7 แสนราย เป็นเงิน 3แสนล้านบาท

หลังจากกระทรวงการคลังร่วมกับ  สศช. ธปท. ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจ Non-bank จึงเห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2568

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)โพสต์ข้อมูลบนเฟชบุคส่วนตัว “Surapol Opasatien”ว่า จากรายงานข่าวระบุว่า เป้าโครงการเดิมเริ่มแรก 1.9 ล้านรายลูกหนี้  8.9 แสนล้านบาท

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด

จำเริญดำเนินมาจนเพลานี้ ..15 เมษายน​ 2568​ พบว่า​ มีลูกหนี้ที่ลงทะเบียนและคุณสมบัติผ่านเกณฑ์​ 5.3 แสนรายลูกหนี้​ (27%ของเป้า) เป็นเงิน​ 3.85แสนล้านบาท(43%ของเป้า)

ลูกหนี้ที่ลงทะเบียนและผ่านคุณสมบัติแล้วต้องมาทำสัญญา​ปรับโครงสร้างหนี้และรับเงื่อนไขตามโครงการกับเจ้าหนี้จึงจะจบสมบูรณ์

ตัวเลขที่ดำเนินการจนเสร็จสมบูรณ์​กับเจ้าหนี้แล้วส่งเข้าระบบเครดิต​บูโรสะสมจนสิ้นสุดเดือนมีนาคม​ 2568​ มีดังนี้

  • จำนวนบัญชี​ที่เข้ามาตรการ​ 4.12 แสนบัญชี
  • จำนวนลูกหนี้ที่เข้ามาตรการและยอมเซ็นสัญญา​แล้ว​ 2.7 แสนรายลูกหนี้
  • จำนวนเงินรวม​ 3แสนล้านบาทเศษ

เมื่อเทียบเป้าที่ตั้งกับสุดท้ายผลที่เกิดจริงจนเซ็นสัญญา​ จึงเข้าใจได้ว่าทำไมทางการถึงขยายระยะเวลาโครงการออกไปอีก​ 2 เดือน​ ไปสิ้นสุดมิถุนายน​ 2568​ จากเดิมที่จะปิดโครงการเมษายน​ 2568

ภายใต้เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าคาดและมีความไม่แน่นอน ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่เผชิญกับปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่า ลูกหนี้ยังคงให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง จึงเห็นควรขยายเวลาออกไปอีก 2 เดือน

สำหรับโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs เฉพาะกลุ่มนั้น มีลูกหนี้สมัครเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 24 เมษายน 2568 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมแล้วทั้งสิ้น 1.6 ล้านบัญชี จากลูกหนี้ 1.3 ล้านราย โดยสถาบันการเงินได้พิจารณาคุณสมบัติของลูกหนี้ดังกล่าว

พบว่า ณ วันที่ 15 เมษายน 2568 มีลูกหนี้ลงทะเบียนที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายร่วมโครงการฯ ได้ จำนวน 5.3 แสนราย (คิดเป็น 27% ของลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 1.9 ล้านราย) เป็นยอดหนี้ 3.85 แสนล้านบาท (คิดเป็น 43% ของยอดหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 8.9 แสนล้านบาท)