แนะรัฐทบทวนส่งเสริมลงทุน หลังส่งออกโซลาร์เซลล์เกือบแสนล้านเป็นของจีน

23 เม.ย. 2568 | 06:44 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2568 | 07:27 น.

ส.อ.ท. แนะรัฐทบทวนส่งเสริมการลงทุน เน้นสินค้าที่ผลิตเองไม่ได้ หลังไทยส่งออกโซลาร์เซลล์เกือบแสนล้าน แต่เป็นของผู้ผลิตจากจีนเป็นส่วนใหญ่ เสี่ยงโดนผลกระทบภาษีอ่วม

สหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์จากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 4 ประเทศ ซึ่งร่วมกันส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ไปยังสหรัฐเป็นส่วนใหญ่

การตัดสินใจดังกล่าวเป็นผลจากการสืบสวนการค้าเวลานาน 1 ปี ซึ่งพบว่าผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับประโยชน์จากการอุดหนุนของรัฐบาลอย่างไม่เป็นธรรม และกำลังขายสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐ ในอัตราที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต การสืบสวนนี้ดำเนินการโดยผู้ผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ในประเทศ และเริ่มต้นภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน

การขึ้นภาษีใหม่นี้ครั้งนี้เป็นภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุนสำหรับสินค้าโซลาร์เซลล์ และแผงโซลาร์เซลล์จาก 4 ประเทศอาเซียน 

โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า อัตราภาษีถูกกำหนดให้สูงถึง 3,521% สำหรับกัมพูชา ซึ่งสะท้อนถึงการตัดสินใจของประเทศที่จะหยุดให้ความร่วมมือกับการสอบสวน

บริษัทที่ไม่ได้ระบุชื่อในเวียดนามต้องเสียภาษีศุลกากรสูงถึง 395.9% โดยไทยกำหนดไว้ที่ 375.2% ส่วนภาษีสำหรับมาเลเซียกำหนดไว้ที่ 34.4% บริษัท Jinko Solar ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเวียดนามประมาณ 245% และจากมาเลเซีย 40% บริษัท Trina Solar ในประเทศไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 375% และจากเวียดนามมากกว่า 200% ส่วนโมดูล JA Solar จากเวียดนามอาจถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าประมาณ 120%

อย่างไรก็ดี ล่าสุดสหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใหม่ ทั้ง ไทย เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย โดยกัมพูชาหนักสุด 3,521% ที่ต้องการจะเล่นงานจีนสูดสุด เพราะจีนมีฐานการผลิตในหลายบริษัทและหลายประเทศ เป็นรายสินค้าแทน

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กรณีที่สหรัฐปรับภาษีโซลาร์เซลล์เพื่อต่อต้านจีนใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งประเทศไทยก็โดนด้วยนั้น ถือว่ากระทบแน่นอน ซึ่งจริง ๆ แล้วโรงงานผู้ผลิตเป็นของไทยส่วนใหญ่เป็นโรงงานจีนที่มาผลิตในไทยแทบจะ 100% ที่ย้ายฐานการลงทุนมายังประเทศไทย 

 

“สหรัฐรู้ว่าแผงโซลาร์ผลิตโดยจีนเป็นหลัก อาจเป็นประเด็นกัน โดยสมัยทรัมป์ 1.0 โฟกัสที่จีน รอบนี้มุ่งเน้นทั้งจีนและประเทศพันธมิตรกับจีน ดังนั้น การส่งเสริมการลงทุนของไทยควรจะส่งเสริมในลักษณะสินค้าที่ไทยไม่สามารถผลิตได้ จะได้ประโยชน์ด้านการปรับปรุงศักยภาพ (Transform) ความรู้แลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ยกตัวอย่าง อุตสาหกรรมเหล็กเส้น ซึ่งไทยมีโรงงานอยู่แล้ว ทำให้มาแย่งตลาด อีกทั้งวัตถุดิบก็ไม่ได้ใช้ในประเทศไทย จึงต้องกลับมาทบทวนเรื่องนี้ และคำนึงผู้ประกอบการไทยเป็นหลักด้วย”

จากสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยตามพิกัดศุลกากร พบว่า ประเทศไทยส่งออกโซลาร์เซลล์ไปสหรัฐเป็นอันดับ 1 ถึง 94.69% โดยปี 2565 มีมูลค่า 46,239,284,805 ล้านบาท, ปี 2566 มูลค่า 111,962,983,770 ล้านบาท, ปี 2567 มูลค่า 85,020,886,329 ล้านบาท ส่วนปี 2568 ระหว่างเดือนม.ค.-ก.พ. 2568 มูลค่า 7,645,935,190 ล้านบาท