ผู้เชี่ยวชาญเหล็กหนุนยกเลิกเตา IF หลังคุมคุณภาพไม่ได้ ตกมาตรฐาน

23 เม.ย. 2568 | 05:37 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2568 | 05:37 น.

ผู้เชี่ยวชาญเหล็กยกมือสนับสนุนกระทรวงอุตสาหกรรมยกเลิกเตา IF หลังควบคุมคุณภาพไม่ได้ ตกมาตรฐาน แนะผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี

นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และผู้เชี่ยวชาญกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” เกี่ยวกับการที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะยกเลิกการรับรองมาตรฐานเหล็กที่ผลิตโดยกระบวนการใช้เตาอินดักชั่น Induction Furnace (IF) ว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากจะทำให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าเหล็กที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน ในราคาที่เหมาะสมแม้จะได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น แต่ก็ถือว่าแลกมาด้วยเรื่องของความปลอดภัย

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาการผลิตเหล็กแบบ IF จะมีราคาที่ต่ำกว่าการผลิตด้วยเทคโนโลยี Electric Arc Furnace (EF) เพราะมีต้นทุนที่แตกต่างกัน จากกระบวนการผลิตที่การควบคุมคุณภาพไม่เข้มข้น

“การซื้อเหล็กอาจจะมีราคาที่สูงขึ้น แต่มองว่าไม่ได้แตกต่างกันมากมายเม่าใดนัก เพราะต้องเรียนว่าก่อนที่จะมีเตา IF สินค้าเหล็กเป็นสินค้าควบคุมโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ หากมีการขึ้นราคาหรือจำหน่ายในราคาสูงเกินความเหมาะสม ก็จะถูกควบคุม และถูกบังคับเรื่องราคาได้อยู่แล้ว”

อย่างไรก็ดี หากผู้ประกอบการที่ใช้เตาแบบ IF ต้องถูกยกเลิก ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่า อาจไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มมากมายเท่าใดนัก โดยทางออกที่สามารถทำได้ ประกอบด้วย

  • การดัดแปลงเตา IF โดยไม่ต้องรื้อทิ้งทั้งหมด เพราะการใช้เทคโนโลยี IF เป็นกระบวนการที่ใช้ตอนนำเศษเหล็กมาหลอม ดังนั้น จึงสามารถปรับปรุงได้โดยนำเทคโนโลยี Billet มาใช้รีดเป็นเหล็กเส้น หรือเหล็กข้ออ้อยได้

ผู้เชี่ยวชาญเหล็กหนุนยกเลิกเตา IF หลังคุมคุณภาพไม่ได้ ตกมาตรฐาน

  • ปรับเปลี่ยน หรือดัดแปลงจาก IF เป็น EF ซึ่งมีการควบคุมคุณภาพที่แม่นยำ และเสถียรมากกว่า

“ต้องเรียนว่าที่ผ่านมาช่วงที่กระทรวงอุตฯให้ใช้เทคโนโลยี IF ได้ เพราะหากสามารถควบคุมวัตถุดิบได้ดี มีความรับผิดชอบก็สามารถทำได้จริง แต่ปรากฎว่าที่กระทรวงอุตฯสุ่มตวจช่วงหลัง พบว่ามีหลายรายที่ทำได้ไม่ถึงตามมาตรฐาน การปฏิบัติจริงไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรือตามที่กำหนด”

ขณะที่การตรวจสอบเหล็กจากเทคโนโลยี EF โดยสำนักงานมาตรฐานผิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) พบว่าไม่มีรายใดที่ตกมาตรฐาน 

นายนาวา กล่าวอีกว่า ในเชิงของการทำธุรกิจถือว่ามีความยุติธรรม เพราะเป็นการปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการได้แต้มต่อ หรือข้อได้เปรียบจากโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีล้าสมัยในเรื่องของต้นทุนการผลิต

อีกทั้ง เทคโนโลยี IF นั้น หลายประเทศเช่น จีน และมาเลเซีย เป็นต้น ไม่ให้การยอมรับ และไม่อนุญาติให้นำเข้าไปใช้งานประเทศ

นอกจากนี้ ผู้บริโภคเองก็จะได้รับประโยชน์จากสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม เพราะสินค้าเหล็กมีความเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของที่อยู่อาศัย

จากการตรวจสอบของ “ฐานเศรษฐกิจ” พบว่าโรงงานผลิตเหล็กที่ใช้เทคโนโลยี IF มีอยู่ประมาณ 10 บริษัทในประเทศไทย