ราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 เผยแพร่ประกาศองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เรื่อง ออกพันธบัตร "พันธบัตรองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 2" มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท
ประกาศฉบับนี้ได้รับการลงนามรับรองโดย นายกิตติภาณฑ์ จอมดวง ขาวรรพกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2568
พันธบัตรดังกล่าวมีอายุ 10 ปี นับจากวันออกพันธบัตรในวันที่ 4 เมษายน 2568 และจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 4 เมษายน 2578 โดยจะเป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน นักลงทุนจะได้รับอัตราผลตอบแทนที่แน่นอนร้อยละ 2.22 ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตร
ขสมก. จะจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือพันธบัตรทุก 6 เดือน ในวันที่ 4 เมษายน และ 4 ตุลาคม ของทุกปี ตลอดอายุของพันธบัตร โดยเริ่มจ่ายดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ทั้งนี้หากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย จะเลื่อนไปจ่ายในวันเปิดทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ย
พันธบัตรฉบับนี้ได้รับการค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยจากกระทรวงการคลัง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าจะได้รับการชำระเงินคืนเมื่อครบกำหนด โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตร รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการเป็นนายทะเบียนและการจ่ายเงิน
ธนาคารออมสิน ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายพันธบัตร มีหน้าที่จัดจำหน่ายพันธบัตรตามสัญญาซื้อขายพันธบัตรฯ และจัดการอื่นๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ นอกจากนี้ บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับฝากพันธบัตรประเภทไร้ใบตราสาร
พันธบัตรองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพครั้งนี้ เป็นพันธบัตรชนิดระบุชื่อผู้ถือ มีมูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 1,000 บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) รวมมูลค่าทั้งสิ้น 3,600,000,000 บาท (สามพันหกร้อยล้านบาทถ้วน) แบ่งออกเป็น 3,600,000 หน่วย (สามล้านหกแสนหน่วย)
กรรมสิทธิ์ในพันธบัตรจะถือตามการจดทะเบียนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือตามรายชื่อที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ประกาศระบุว่า พันธบัตรนี้จำหน่ายแก่บุคคลธรรมดา นิติบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนต่างชาติ โดยไม่จำกัดประเภทบุคคลและสัญชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการระดมทุนจากวงกว้าง ทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน ทั้งในและต่างประเทศ
ผู้ถือพันธบัตรสามารถโอนกรรมสิทธิ์หรือใช้พันธบัตรเป็นหลักประกันได้ โดยในกรณีของพันธบัตรแบบมีใบตราสาร ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบและวิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร ให้ปฏิบัติตามระเบียบและวิธีปฏิบัติของบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
ที่มาข้อมูล - ราชกิจจานุเบกษา