สบน.พร้อมขยายเพดานหนี้เกิน 70% เปิดทางรัฐกู้ดูแลเศรษฐกิจ

21 เม.ย. 2568 | 09:57 น.
อัปเดตล่าสุด :21 เม.ย. 2568 | 10:01 น.

สบน. พร้อมขยายเพดานหนี้ เปิดทางรัฐกู้ฉุกเฉินกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดไม่กระทบความเชื่อมั่นประเทศ ระบุจีดีพีโตต่ำ 3 หนี้สาธารณะยังไม่เกินเพดาน 70%

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า หากรัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 75-80% หรือกู้เพิ่มเพื่อนำเงินมาใช้ดูแลเศรษฐกิจเป็นการเร่งด่วน ก็สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักของกฎหมายที่ตั้งไว้ คือ เป็นเรื่องฉุกเฉิน จำเป็น เร่งด่วน และต้องมีเป้าหมาย โครงการใช้เงินที่ชัดเจน ลักษณะเหมือนกับตอนออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.กู้เงิน) ช่วงสถานการณ์โควิด

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)

“หากรัฐจะขยายเพดานหนี้คงไม่เป็นปัญหาอะไร ถ้ามีเหตุผลที่ชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อความน่าเชื่อถือประเทศ เพราะไทยเรายังมีฐานะการคลังที่แข็งแกร่ง และทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูง อีกทั้งขณะนี้ต่างชาติก็มีความต้องการที่จะเข้ามาระดมทุนในเอเชียอยู่มาก”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรัฐบาลมีหนี้สาธารณะอยู่ที่ 12.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.21% ของจีดีพี โดยสิ้นปีนี้ตามเป้าหมายหนี้เพิ่มไปอยู่ที่ 65.5% และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 67.3%  ทั้งนี้ หากมองผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีสหรัฐนั้น ถือว่าขณะนี้ฐานะการคลังของประเทศยังแข็งแกร่ง ทุกอย่างคงที่ ยังไม่มีความจำเป็นต้องแก้กรอบเพดานหนี้สาธารณะ แต่หากมีนโยบายที่จะกระตุ้นการลงทุน ก็ต้องพิจารณาอีกครั้ง

“เดิมเราประมาณการว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวได้ 3% และคาดว่าหนี้สาธารณะ ณ สิ้นปีงบ 68 จะอยู่ที่ 67.3% ซึ่งหากจีดีพีไทยได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีสหรัฐ เหลือโต 2% คาดว่าระดับหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 68.5% เท่านั้น ยังไม่แตะเพดาน 70% ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวล”

นายพชร กล่าวว่า เรื่องที่น่ากังวล คือ หากผลกระทบจากนโยบายภาษีสหรัฐ ส่งผลให้การส่งออกชะลอตัว มีผลต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลนั้น ส่วนนี้จะมีปัญหา แต่เชื่อว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐจะไม่ต่ำเป้าถึง 2 แสนล้านบาท เพราะช่วงโควิดก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่ต่ำเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลมีช่องทางรัฐมือ

โดยปีงบ 68 รัฐบาลมีการกู้ชดเชยขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท และยังมีช่องว่างการกู้ชดเชยขาดดุลเหลืออยู่ 4,000 ล้านบาท แต่หากมีขาดดุลสูงเกินกว่านั้น ก็สามารถนำวงเงินกู้เหลื่อมปีจากปีที่แล้วที่เหลือหลายหมื่นล้านมาใช้ได้