รัฐผลักดันพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ดึงธุรกิจแสนล้านเข้าระบบ

19 เม.ย. 2568 | 12:15 น.
อัปเดตล่าสุด :19 เม.ย. 2568 | 12:26 น.

รัฐบาลวางแผนดึงธุรกิจพนันออนไลน์ในไทย มูลค่าสูงถึง 3-5 แสนล้านบาท เข้าสู่ระบบกฎหมาย หวังจัดเก็บภาษี-ลดปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์-ฟอกเงิน พร้อมเปิดโมเดลควบคุมเข้มงวดเทียบชั้นต่างประเทศ

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึง อุตสาหกรรมพนันออนไลน์ได้เติบโตอย่างรวดเร็วแม้จะอยู่นอกกรอบกฎหมาย ข้อมูลจากแหล่งวิจัยระดับนานาชาติอย่าง Statista ระบุว่า ในปี 2024 มูลค่าตลาดการพนันออนไลน์ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 19,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยให้ข้อมูลว่าคนไทยประมาณ 2-4 ล้านคนใช้เงินในธุรกิจนี้สูงถึง 300,000 - 500,000 ล้านบาทต่อปี

แม้จะมีความแตกต่างของตัวเลข แต่สิ่งที่ชัดเจนคือขนาดของอุตสาหกรรมนี้กำลังเฟื่องฟูและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและสังคมไทย

โครงสร้างและการดำเนินงานของธุรกิจพนันออนไลน์

จากการศึกษาพบว่า เว็บไซต์พนันออนไลน์ส่วนใหญ่ดำเนินการจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเมียนมา ซึ่งมีกฎหมายที่เอื้อต่ออุตสาหกรรมเกมออนไลน์ เว็บไซต์เหล่านี้นำเสนอบริการแบบครบวงจร ทั้งคาสิโนสด เกมสล็อต การพนันกีฬา และหวยออนไลน์

ระบบการเงินของธุรกิจนี้มีความซับซ้อน มีการใช้บัญชีธนาคาร e-wallet และสกุลเงินดิจิทัลเพื่ออำพรางเส้นทางการเงิน นอกจากนี้ยังมีระบบ Affiliate หรือเอเย่นต์ที่ชักชวนผู้เล่นใหม่เข้าสู่ระบบแลกกับผลตอบแทน ทำให้เครือข่ายขยายตัวอย่างรวดเร็ว

กลยุทธ์ทางการตลาดของธุรกิจนี้พึ่งพาโซเชียลมีเดียและผู้มีอิทธิพลออนไลน์ (Influencer) ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงเยาวชน ซึ่งเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลต่อหน่วยงานคุ้มครองเด็กและครอบครัว

การแพร่หลายของพนันออนไลน์ก่อให้เกิดผลกระทบหลายด้าน ได้แก่:

  • ปัญหาด้านสาธารณสุข: การเสพติดการพนัน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่เข้าถึงได้ง่ายผ่านสมาร์ทโฟน
  • ปัญหาครอบครัว: หนี้สินจากการพนันนำไปสู่ความขัดแย้งและการล่มสลายของครอบครัว
  • อาชญากรรมไซเบอร์: การฉ้อโกง การหลอกลวง และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มักเชื่อมโยงกับธุรกิจพนันออนไลน์
  • การฟอกเงิน: เงินจากธุรกิจผิดกฎหมายถูกนำไปฟอกผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์และสกุลเงินดิจิทัล
  • การสูญเสียรายได้ภาครัฐ: เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้เสียภาษีในระบบปกติ

ปัจจุบัน รัฐบาลไทยนำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กำลังพิจารณาแนวทางทำให้พนันออนไลน์ถูกกฎหมายภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ:

  1. จัดเก็บรายได้ภาษีจากธุรกิจพนันออนไลน์เพื่อเพิ่มรายได้เข้ารัฐ
  2. ลดปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฟอกเงิน
  3. สร้างความเชื่อมั่นในภาคการท่องเที่ยวด้วยระบบควบคุมที่โปร่งใส

กระทรวงดีอีระบุว่ากำลังศึกษาโมเดลจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการพนันออนไลน์ เช่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และมาเก๊า รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม สปป.ลาว และมาเลเซีย ที่ได้ทำให้การพนันถูกกฎหมายแล้ว

รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการควบคุมหลายประการ ได้แก่:

  • ระบบยืนยันตัวตนแบบเข้มงวด
  • การกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ใช้งาน
  • การตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินทุน
  • ระบบเก็บข้อมูลธุรกรรมเพื่อป้องกันการฟอกเงิน

แนวทางดังกล่าวอาจดำเนินการผ่านการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือการปรับปรุงพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 ให้สอดคล้องกับบริบทยุคดิจิทัล

แม้รัฐบาลจะมองว่าการทำให้พนันออนไลน์ถูกกฎหมายเป็นการนำปัญหามาอยู่ภายใต้การควบคุมและเปลี่ยนภาระให้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่ภาคสังคมยังมีเสียงคัดค้านอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับการติดพนันและผลกระทบต่อเยาวชน

รัฐบาลย้ำว่าจะไม่เดินหน้าหากไม่มีมาตรฐานกำกับอย่างชัดเจน และคาดว่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรมภายในปี 2568

การตัดสินใจทำให้พนันออนไลน์ถูกกฎหมายเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ในแง่หนึ่ง การควบคุมอย่างเป็นระบบอาจช่วยลดผลกระทบเชิงลบและสร้างรายได้ให้รัฐ แต่ในอีกแง่หนึ่ง การเปิดทางให้ธุรกิจประเภทนี้อาจส่งผลต่อปัญหาสังคมหากไม่มีมาตรการป้องกันที่เข้มแข็ง

ประสบการณ์จากต่างประเทศแสดงให้เห็นว่า แนวทางที่ประสบความสำเร็จต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด การคุ้มครองผู้บริโภค และการจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหาการติดพนัน

การตัดสินใจในเรื่องนี้จึงไม่เพียงเป็นประเด็นทางกฎหมายและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นประเด็นทางสังคมและวัฒนธรรมที่ต้องการการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการกำหนดทิศทางที่เหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย