นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลไทย โดยตนและทีมจะร่วมเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าเจรจากับทางสหรัฐ หลังจากที่สหรัฐได้ออกมาตรการภาษีเพื่อตอบโต้การค้ากับประเทศที่เกินดุลการค้า ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศเหล่านั้น คาดว่า จะได้เจรจากับสหรัฐภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับทีมที่จะไปร่วมเจรจาจะประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงต่างประเทศ เป็นต้น
ทั้งนี้ แนวทางการเจรจา คือ การสร้างสมดุลการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐ หลังจากที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐถึง 72% หรือคิดเป็นวงเงินราว 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น ข้อเสนอของไทย คือ การเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างประเทศให้มากขึ้น
ด้านสินค้าพลังงานนั้น วันนี้ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานมาหารือ เช่น กรมสรรพสามิต และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อวางแผนการนำเข้าสินค้าพลังงานจากสหรัฐให้มากขึ้น
“ได้รับทราบจากปตท.ว่า ในปีหน้าปตท.มีแผนจะซื้อก๊าซธรรมชาติ LNG จากสหรัฐจำนวน 1 ล้านตัน และใน 5 ปีข้างหน้า สัญญาการจัดซื้อก๊าซธรรมชาติ LNG จากประเทศต่างๆ จะทยอยหมดลง”
ทั้งนี้ จึงวางแผนที่จะจัดซื้อจากสหรัฐเพิ่มอีก 1 ล้านตันต่อปี มูลค่า 500-600 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีในราคาที่แข่งขันได้ และอาจจะจัดซื้อเพิ่มเพื่อนำมาส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งตรงนี้ ทางปตท.จะต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับพื้นที่ในการจัดเก็บด้วย
นอกจากนี้ ปตท.ยังมีแผนการจัดซื้อก๊าซอีเทนจากสหรัฐในปีหน้าอีกราว 4 แสนตัน รัฐบาลก็จะไปยืนยันว่า เราจะจัดซื้อก๊าซดังกล่าวจากสหรัฐในระยะยาวต่อไป
“สิ่งที่เราจะนำไปเจรจานั้น เป็นเรื่องที่เราต้องลงทุนหรือนำเข้าอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่า เพิ่งจะมาลงทุนตอนนี้”
นอกจากนี้ จะนำเข้าและส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐให้มากขึ้น ซึ่งสินค้าที่ไทยจะนำเข้าให้มากขึ้น คือ สินค้าเกษตร และ พลังงาน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ตนได้หารือกับผู้ผลิตสินค้าเกษตรในประเทศไปเรียบร้อยแล้ว โดยได้ข้อสรุปจะนำเข้าข้าวโพด กากถั่วเหลือง เพื่อนำมาผลิตอาหารสัตว์แปรรูปเพื่อส่งออกให้มากขึ้น