นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า ผู้แทนการค้าไทยได้หารือร่วมกันกับทางทีมไทยแลนด์ เพื่อรวบรวมข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ก่อนเดินทางเข้าร่วมเจรจากับทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะเรื่องแนวทางการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อลดการขาดดุลการค้าในบางสินค้าที่จำเป็น และประเทศไทยได้ประโยชน์
“ที่ผ่านมาได้คุยกันบ้างถึงแนวทางการซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ว่าจะมีตัวไหนบ้างที่ซื้อแล้วเป็นประโยชน์กับเรา และไม่ได้เดือดร้อน เช่น ถั่วเหลือง ที่ไทยต้องนำเข้า 3-4 ล้านตัน ส่วนใหญ่นำเข้าจากบราซิลก็อาจพิจารณาไปนำเข้าจากสหรัฐฯ บางส่วน หรือข้าวโพด ที่ต้องนำเข้าเช่นเดียวกัน” นายชัย กล่าว
ทั้งนี้ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่า ในการเจรจานำเข้าด้านสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ นั้น อาจจำเป็นต้องเจรจาในภาพรวมก่อน คือทั้งกระดานแล้ว แต่หากมีเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติมก็ค่อยลงรายละเอียดเป็นรายสินค้าต่อไป ซึ่งทางทีมไทยแลนด์จะเป็นผู้ตัดสินใจอีกครั้ง
ส่วนสินค้าเกี่ยวกับปศุสัตว์นั้น มองว่า ไทยสามารถพิจารณานำเข้าเนื้อวัวระดับพรีเมียมจากสหรัฐฯ ได้เพิ่มเติม โดยที่ไม่ใช่การนำเข้าเนื้อวัวทั่วไป เพราะปัจจุบันเนื้อวัวเกรดสูงส่วนใหญ่ไทยจะนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งออสเตรเลีย สหรัฐฯ บราซิล และอาร์เจนตินา
ขณะเดียวกันยังอาจพิจารณานำเข้าพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์วัวจากสหรัฐฯ เข้ามายกระดับวัวเนื้อในประเทศให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นด้วย ส่วนเนื้อหมูยังไม่ควรนำเข้ามาในประเทศไทยในตอนนี้ เพราะจะกระทบต่อตลาดในประเทศ
“แนวทางทั้งหมดนี้ทางผู้แทนการค้าไทย ได้เสนอไปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับว่าทางทีมไทยแลนด์จะหยิบยกเรื่องต่าง ๆ เพื่อไปวางกลยุทธ์ในการเจรจาต่อไป แต่ท้ายที่สุดการเจรจาก็น่าจะได้สิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุด” ผู้แทนการค้าไทย ระบุ