วันนี้ (28 ก.พ.68) ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ มีการมอบรางวัลบทความข่าวเชิงวิเคราะห์ (ลับคมความคิด) ประจำปี 2567 จาก รางวัลป๋วย อึ๊งภากรณ์ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย
โดยปีนี้สื่อชั้นนำด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย ในเครือเนชั่นกรุ๊ป "ฐานเศรษฐกิจ" คว้ามาได้ 1 รางวัล และ "กรุงเทพธุรกิจ" 3 รางวัล
ฐานเศรษฐกิจ ได้รางวัลที่ 2 กับบทความข่าวเชิงวิเคราะห์ เรื่อง "ความท้าทายประเทศไทย: เศรษฐกิจตกอันดับอาเซียน ปิดประตูสู่ประเทศพัฒนาแล้ว" เขียนโดย นายวสวัตติ์ โอดทวี หัวหน้าข่าวเศรษฐกิจนโยบาย ฐานเศรษฐกิจ
สำหรับเนื้อหาโดยสรุปของบทความ "ความท้าทายประเทศไทย: เศรษฐกิจตกอันดับอาเซียน ปิดประตูสู่ประเทศพัฒนาแล้ว" จากความยาวทั้งหมด 5 หน้า A4 บอกเล่าถึงเศรษฐกิจไทยที่เสี่ยงร่วงอันดับ 4 อาเซียน โดยระบุว่า
ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลัง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าในปี 2571 ไทยจะสูญเสียตำแหน่งประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน ตกลงไปอยู่อันดับ 4 โดยถูกฟิลิปปินส์และเวียดนามแซงหน้า ขณะที่อินโดนีเซียยังคงครองตำแหน่งอันดับ 1
แม้ประเทศไทยจะมีเป้าหมายก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง และมุ่งสู่ประเทศพัฒนาแล้วตาม ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) แต่ตัวเลขจาก IMF สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยอาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ เนื่องจากไทยมี อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำที่สุดในภูมิภาค โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.75% ต่อปี ในช่วงปี 2567-2572 ขณะที่ฟิลิปปินส์และเวียดนามเติบโต 5-6% ต่อปี ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยค่อย ๆ สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
IMF วิเคราะห์ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ได้แก่
1. การเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำ
2. การลงทุนต่ำสุดในอาเซียน
3. ความสามารถในการแข่งขันลดลง
4. ภาระหนี้สาธารณะสูง
5. รายได้เฉลี่ยต่อหัวเติบโตช้า
นักวิเคราะห์แนะนำว่า หากไทยต้องการรักษาสถานะทางเศรษฐกิจและแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน จำเป็นต้องดำเนินมาตรการปฏิรูปอย่างเร่งด่วน ได้แก่
1. ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เร่งลงทุนใน อุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานสะอาด และ EV และต้องส่งเสริม การวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
2. สร้างแรงจูงใจในการลงทุน ด้วยการปรับปรุง ระบบภาษีและกฎระเบียบ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ พร้อมกันนี้ต้องเพิ่มการลงทุนใน โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และระบบโลจิสติกส์
3. พัฒนาทักษะแรงงานและการศึกษา ด้วยการปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และส่งเสริม การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) เพื่อพัฒนาทักษะแรงงาน
4. บริหารจัดการหนี้สาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้นโยบายประชานิยมที่เพิ่มภาระทางการคลัง เน้นการลงทุนในโครงการที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว
แนวโน้มการร่วงลงจากอันดับ 2 ไปสู่อันดับ 4 ของเศรษฐกิจอาเซียน ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลข แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องเร่งแก้ไข หากไทยยังเดินหน้าด้วยโมเดลเศรษฐกิจเดิม พึ่งพาแรงงานราคาถูกและการส่งออกสินค้าเกษตร โดยไม่มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ อาจทำให้ไทยไม่เพียงแค่สูญเสียสถานะผู้นำเศรษฐกิจในภูมิภาค แต่ยังปิดโอกาสสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วตามที่ตั้งเป้าไว้
นอกจากฐานเศรษฐกิจแล้ว สื่อในเครือเนชั่นอย่าง “กรุงเทพธุรกิจ” สามารถคว้ารางวัลที่ 1 กับบทความเรื่อง "ขึ้น VAT สกัดวิกฤติการคลัง" บันไดขั้นแรกของการ ปฏิรูปภาษี ทำอย่างไรให้คนไทยได้รับประโยชน์สูงสุด เขียนโดย นายนครินทร์ ศรีเลิศ (กรุงเทพธุรกิจ)
ที่วิเคราะห์นโยบายการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งเป็นมาตรการที่ภาครัฐเสนอเพื่อนำรายได้เข้าสู่ประเทศและจัดการกับภาวะวิกฤติทางการคลังของไทย พร้อมทั้งเสนอแนวทางเพื่อให้การปฏิรูปภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อประชาชนกลุ่มเปราะบาง
รางวัลที่ 3 "เปิดปฏิบัติการ สางปัญหานอมินี อาชญากรทางเศรษฐกิจ ทำลายประเทศ" เขียนโดย นางสาวประภาศรี โอสถานนท์ (กรุงเทพธุรกิจ)
บทความนี้นำเสนอปัญหาการใช้ นอมินี (Nominee) ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งเปิดช่องให้เกิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันทางธุรกิจและความมั่นคงของประเทศ พร้อมเผยแพร่แนวทางป้องกันและบทลงโทษสำหรับผู้กระทำผิด
รางวัลชมเชย "รัฐควักเงินอุ้มสถานะ ‘สายการบินแห่งชาติ’" เขียนโดย นางสาววรรณิกา จิตตินรากร (กรุงเทพธุรกิจ)
บทความนี้นำเสนอประเด็นการช่วยเหลือทางการเงินของภาครัฐต่อสายการบินแห่งชาติ เพื่อรักษาสถานะของอุตสาหกรรมการบินที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการอุดหนุนเงินภาษีประชาชน