ก.พ.ร. กางแผนดันกฎหมายใหญ่ 3 พ.ร.บ. ยกเครื่องระบบราชการทันสมัย

23 ม.ค. 2568 | 00:00 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ม.ค. 2568 | 07:18 น.

สัมภาษณ์พิเศษ เลขาธิการ ก.พ.ร. "อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ" กางแผนทำงานปี 2568 ผลักดันกฎหมายสำคัญ ร่าง พ.ร.บ. 3 ฉบับ ยกเครื่องระบบราชการให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพอำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจ ประชาชน ง่ายขึ้น

น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 สำนักงาน ก.พ.ร. จะเร่งผลักดันกฎหมายสำคัญ โดยออกเป็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รวม 3 ฉบับ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของระบบราชการไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คือ ร่าง พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน, ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และ ร่าง พ.ร.บ.ยกระดับการบริหารงานภาครัฐให้มีความทันสมัย

 

น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)

 

ร่าง พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน

สำหรับกฎหมายฉบับแรก นั่นคือ ร่าง พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน น.ส.อ้อนฟ้า อธิบายว่า หลักการสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ จะช่วยลดความล่าช้าในกระบวนการดำเนินงานของราชการ ไม่ให้กระทบต่อต้นทุนของภาคธุรกิจและประชาชน รวมทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาการสุมเสี่ยงต่อการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นจากขั้นตอนการขออนุมัติ และอนุญาต

โดยการจัดทำคู่มือประชาชนเป็นมาตรฐานเดียวให้เกิดความชัดเจนว่า ในการขอเอกสารอนุมัติ และอนุญาตต่าง ๆ มีขั้นตอน มีระยะเวลาอย่างไร หรือมีค่าใช้จ่ายมากแค่ไหน และหากเกินจากระยะเวลากำหนดต้องแจ้งให้ชัดเจนด้วยว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น 

"ที่ผ่านมาหน่วยงานต่าง ๆ ได้จัดทำคู่มือออกมากว่า 700,000 คู่มือ สะท้อนให้เห็นว่าการทำงานหลายส่วนทับซ้อนกันจำนวนมาก แต่ล่าสุด ก.พ.ร. ได้ขึงมาตรฐานใหม่ จนปรับลดลงเหลือประมาณ 4,000 คู่มือ ทำให้มีมาตรฐาน และประชาชนเห็นภาพชัดเจนว่าเป็นอย่างไร และยังช่วยลดโอกาสในการเรียกรับเงินด้วย และจะขยายไปยังการบริการรูปแบบอื่น ๆ นอกเหนือจากการขออนุมัติ และอนุญาตด้วย"

ปัจจุบัน ก.พ.ร. ได้รวบรวมคู่มือประชาชนของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีประมาณ 4,000 ใบอนุญาต อยู่ภายใต้ ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ เว็บไซต์ info.go.th ซึ่งจะมีข้อมูลการขออนุญาต เอกสารที่ต้องใช้ และระยะเวลาการพิจารณา ของแต่ละหน่วยงานกำหนดไว้อย่างละเอียด เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชน เตรียมความพร้อมขอรับใบอนุญาตได้ถูกต้อง 

ขณะเดียวกันภายในกฎหมายฉบับใหม่ ยังปรับปรุงการพิจารณาออกใบอนุญาตที่จำเป็น และจะทบทวนทุก ๆ 5 ปี รวมทั้งพิจารณาแนวทางเพิ่มเติมแทนการพิจารณาต่อใบอนุญาต เช่น การจ่ายค่าธรรมเนียมแทนการอนุญาต เพื่อลดปัญหาใบอนุญาตหมดอายุและต้องเข้ากระบวนการขอใบอนุญาตใหม่ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ 

 

ภาพประกอบข่าว ก.พ.ร. ผลักดันกฎหมายสำคัญ เพื่อพัฒนาระบบราชการ

 

ล่าสุด ก.พ.ร. ได้ปรับลดใบอนุญาตที่ไม่จำเป็นไปแล้ว 32 ใบ รวมทั้งการจัดทำระบบอนุญาตหลัก (Super Licence) เพื่อแก้ปัญหาการขอใบอนุญาตหลายหน่วยงานให้มารวมไว้จุดเดียว ขณะนี้กำลังทดลองนำร่องกับกรมการปกครองในการขออนุญาตประกอบกิจการโรงแรมขนาดเล็ก และในอนาคตจะขยายไปยังธุรกิจอื่น ๆ ด้วย

อีกทั้งยังปรับอายุใบอนุญาตใหม่ หากใบอนุญาตใดที่มีอายุไม่ถึง 5 ปี จะขยายไปให้มีอายุ 5 ปีทั้งหมด เพื่อลดอุปสรรคให้กับธุรกิจไม่จำเป็นต้องเสียเวลายื่นขอใบอนุญาตทุกปี หรือบางกิจการอาจแค่จดแจ้งก็ได้ โดยไม่ต้องเข้ากระบวนการขอใบอนุญาต ขณะที่การชำระค่าธรรมเนียมนั้น ได้ปรับปรุงให้ผู้ที่ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแล้วถือว่าต่ออายุใบอนุญาตในทันที ยกเว้นกรณีที่ตรวจสอบแล้วพบปัญหาหรือความเสี่ยง ก็ให้ออกเอกสารแนบท้ายแทน

น.ส.อ้อนฟ้า กล่าวว่า กฎหมายฉบับใหม่ยังกำหนดให้มีช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน (Fast Track) ในการให้บริการภาครัฐ ปัจจุบันมีตัวอย่างเช่น การขอหนังสือเดินทางที่ขอแบบ Fast Track ได้ แต่ต่อไปจะขยายไปยังบริการอื่นของภาครัฐ แต่การดำเนินการดังกล่าวจะต้องไม่กระทบต่อบริการปกติ และเมื่อมีรายได้จากการทำ Fast Track แล้ว ยังสามารถนำรายได้ดังกล่าวมาพัฒนาระบบการให้บริการได้ เพื่อลดภาระงบประมาณภาครัฐ

รวมทั้งปรับปรุงการกรอกแบบฟอร์มขอรับบริการจากเดิมที่มีเฉพาะภาษาไทย จะเพิ่มภาษาอังกฤษ หรือภาษาอาเซียนที่สำคัญ เพื่อช่วยลดต้นทุนการแปลเอกสาร และเมื่อใบอนุญาตหายก็ไม่ต้องแจ้งความอีกด้วย

เลขาธิการ ก.พ.ร. ระบุว่า การผลักดันกฎหมายฉบับนี้ จะช่วยลดต้นทุนได้หลายส่วน เช่น การจ่ายค่าธรรมเนียมแทนการต่อใบอนุญาตใหม่ ถ้ามีใบอนุญาตที่ต้องต่ออายุประมาณ 170 งาน แต่ละงานจะมีผู้ขออนุญาตที่ต้องต่ออายุปีละ 2,000 ราย จะช่วยลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ถึง 1,000 ล้านบาท หรือการขยายใบอนุญาตจากเดิมที่ต้องต่ออายุทุกปีเป็นทุกๆ 5 ปี นั้นจะครอบคลุมเบื้องต้น 19 กิจการ ผู้ได้ประโยชน์ประมาณ 7 แสนราย ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณปีละ 590 ล้านบาท หรือการลดต้นทุนการเดินทางไปแจ้งความ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกจำนวนมาก

อีกส่วนที่สำคัญ คือ การเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานรัฐ เช่น การเชื่อมต่อข้อมูลนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบธุรกิจ ล่าสุดเชื่อมข้อมูลแล้ว 22 หน่วยงานมีธุรกรรมกว่า 97 ล้านธุรกรรมต่อปี ซึ่งทางหอการค้าไทย แจ้งว่าเฉพาะการแก้ปัญหาด้วยการเชื่อมข้อมูลดังกล่าว จะช่วยลดต้นทุนให้กับภาคธุรกิจได้มากถึง 7 พันล้านบาทต่อปี

 

ก.พ.ร. กางแผนดันกฎหมายใหญ่ 3 พ.ร.บ. ยกเครื่องระบบราชการทันสมัย

 

ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

ส่วนฉบับที่ 2 คือ ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน จะเป็นการปรับปรุงรายละเอียดเนื้อหาของกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับปรุงการจัดตั้ง หรือยุบเลิก กระทรวงและกรมต่าง ๆ ให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาการดำเนินการในเรื่องนี้จะต้องตราเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ขึ้นมา แต่ต่อไปจะเปลี่ยนเป็นการตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) แทนได้ โดยใช้อำนาจของฝ่ายบริหารดำเนินการแทนเหมือนในต่างประเทศ 

ขณะเดียวกันยังช่วยลดความซ้ำซ็อนของการทำงานในภูมิภาค เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยมีการทำงานราชการในระดับภูมิภาคซ้อนทับกันหลายหน่วยงาน รวมทั้งอาจพิจารณาเรื่องอำนาจหน้าที่ต่าง ๆ ของฝ่ายบริหารให้สอดคล้องกับปัจจุบัน และอาจรวมไปถึงกรณีการพิจารณาปรับปรุงรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้เกิดความชัดเจนขึ้นด้วย

 

ก.พ.ร. กางแผนดันกฎหมายใหญ่ 3 พ.ร.บ. ยกเครื่องระบบราชการทันสมัย

 

ร่าง พ.ร.บ.ยกระดับการบริหารงานภาครัฐให้มีความทันสมัย

ส่วนฉบับที่ 3 คือ ร่าง พ.ร.บ.ยกระดับการบริหารงานภาครัฐให้มีความทันสมัย มีเป้าหมายพัฒนาระบบราชการให้มีความทันสมัยเป็นราชการแห่งอนาคต (Future Government) โดยปรับให้การบริหารงานภาครัฐเกิดความคล่องตัวมากขึ้น สามารถทำแซนด์บ็อกซ์ เพื่อทดสอบหรือทดลองการทำงานราชการต่าง ๆ แบบนอกกรอบได้ โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อทำแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จ และจะส่งผลกระทบต่องบประมาณ 

“การทำแซนด์บ็อกซ์ มีตัวอย่างเช่น เมื่อข้าราชการคิดทำนวัตกรรมอะไรแบบนอกกรอบขึ้นมา ก็สามารถนำเงินงบประมาณลงไปทดลองได้ แต่การทำนวัตกรรมต่าง ๆ จะต้องมีเจตนาสุจริต และนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพของราชการ หากทำแล้วพลาดก็ไม่ต้องมีความผิด หน่วยงานรัฐจะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ตัวข้าราชการที่ทำโดยสุจริตจะถือว่าไม่มีความผิด”

ขณะเดียวกันกฎหมายยกระดับการบริหารงานภาครัฐ ฉบับนี้ จะเปิดช่องให้เกิดการดำเนินงานแบบ “รัฐเครือข่าย” คือสามารถดึงการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ช่วยกันแก้ปัญหาต่าง ๆ เช่น การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 หรือการอุดหนุนดูแลสวัสดิการประชาชน ซึ่งจำเป็นต้องใช้กลไกความร่วมมือของทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมมือกัน และกำหนดตัวชี้วัดร่วมกันให้เกิดความสำเร็จต่อไป

น.ส.อ้อนฟ้า กล่าวทิ้งท้ายว่า การผลักดันกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ สำนักงาน ก.พ.ร. จะพยายามผลักดันให้เสร็จสิ้นภายในปี 2568 นี้ โดยจะเร่งผลักดัน พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯ ก่อน ล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นของสภาผู้แทนราษฎร ส่วนอีก 2 ฉบับ ที่ผ่านมาได้เปิดรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว และจะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป เพื่อจะได้ปรับปรุงระบบราชการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น