"กัมพูชา" ไม่น้อยหน้าไทย สั่งบูมรถอีวี หนุนตั้งสถานีชาร์จ-หั่นภาษีนำเข้า

25 ก.ย. 2565 | 10:24 น.

กัมพูชาบูมรถอีวี ดึงค่ายอเมริกา และสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ ลงทุนสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ ใช้พลังงานสะอาด ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม นำร่อง 10 แห่งในกรุงพนมเปญ หั่นภาษีนำเข้ารถ EV ดันเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ปี 2593 เผยยอดจดทะเบียนแล้ว 84 คัน

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต. / ทูตพาณิชย์) ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจาก  Phnom Penh Post ว่า รัฐบาลกัมพูชาแสดงความมุ่งมั่นอย่าง เต็มที่ในการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ที่คาดว่าจะแพร่หลายขึ้นมากในอนาคต โดยที่ผ่านมากระทรวงโยธาธิการ และการขนส่ง ได้เร่งติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า และอยู่ระหว่างหามาตรการต่าง ๆ และ ความร่วมมือกับภาคเอกชน โดยเฉพาะบริษัทจากสหรัฐอเมริกาในการดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในสถานีชาร์จฯ ให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ

 

ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาได้มีความพยายามที่จะอธิบายให้ประชาชนทราบถึงประโยชน์มากมายจากการใช้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะความประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งตามรายงานของกระทรวงโยธา ธิการฯ ระบุว่า การชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มีค่าใช้จ่ายเพียง 4 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 100 กิโลเมตร เมื่อ เทียบกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องจ่ายมากกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 100 กิโลเมตร

นอกจากนี้ กระแสความต้องการใช้พลังงานสะอาดเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจ จึงได้สนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

 

ด้านนาย Sun Chanthol รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง ได้แสดงความภาคภูมิใจ ในการเติบโตของการจดทะเบียนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของกัมพูชาเป็นอย่างมาก และหวังว่าอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต อย่างไรก็ตามกัมพูชายังมีความท้าทายหลายประการที่ต้องรีบแก้ไข โดยเฉพาะปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุน EV ได้แก่ 1) การให้บริการเปลี่ยนเครื่องและซ่อมบำรุงรถยนต์ 2) พนักงานที่มีเชี่ยวชาญและความสามารถในการจัดเก็บแบตเตอรี่ และ 3) ความพร้อมให้การเปิดใช้งานของสถานีชาร์จไฟฟ้า

 

ดังนั้น เพื่อเป็นการผลักดันการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เพิ่มสูงขึ้น ขณะนี้กระทรวงโยธาธิการฯ จึง ได้มีความพยายามที่จะเพิ่มสถานีชาร์จฯ ทั่วประเทศ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันราย ใหญ่ต่าง ๆ พิจารณาติดตั้งสถานีชาร์จฯ ควบคู่กันไปด้วย

 

ปัจจุบันกัมพูชามีสถานีชาร์จฯ 10 แห่ง ในกรุงพนมเปญ และอีก 2 แห่ง อยู่บนทางด่วนพนมเปญ – จังหวัดพระสีหนุที่กำลังจะเปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะเปิดสถานีชาร์จฯ ในถนนสายหลักของประเทศอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะบนถนนแห่งชาติ หมายเลข 1  6 และ 7

 

  • ข้อมูลที่น่าสนใจ

1) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ได้ประกาศว่าจะห้ามการจำหน่าย รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงตั้งแต่ปี 2578 เป็นต้นไป ดังนั้น ในอนาคตรถยนต์ใหม่ทั้งหมดในตลาดยุโรปจะเป็น รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น

 

2) อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ EV ของกัมพูชาขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 63 ในขณะที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง จะถูกเก็บภาษีนำเข้าโดยเฉลี่ยร้อยละ 120

 

3) ข้อมูลตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว พบว่า กัมพูชาตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 โดยจะต้องทำให้ประชาชนใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 40 และรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าร้อยละ 70

 

4) ข้อมูลของกระทรวงโยธาธิการฯ ระบุว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 มีการจดทะเบียนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 84 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 800 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564

 

สคต. ณ กรุงพนมเปญ ระบุว่า ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติธรรมชาติเริ่มเกิดขึ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ ทำให้กระแสอนุรักษ์ในกัมพูชาที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ในอนาคตรัฐบาลกัมพูชาอาจพิจารณาให้มีมาตรการทางทางการค้าและการลงทุนต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้รถ EV แต่ที่เป็นไปได้มากที่สุด คือการลดภาษีการนำเข้าจากต่างประเทศ

 

ดังนั้นผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายย่อยของไทยที่มีศักยภาพในการผลิตรถจักรยานยนต์/รถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอาจพิจารณาส่งออก หรือเข้าไปลงทุนในตลาดกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา รถจักรยานต์/รถยนต์ที่ผลิตในไทยถือว่าได้รับความนิยมสูงในกัมพูชามาโดยตลอด จึงอาจใช้ผลประโยชน์จาก ความชอบรถฯ ที่ผลิตในไทยนี้มาเชื่อมกับรถฯ ไฟฟ้าเพื่อส่งออกมายังกัมพูชาก็ได้