อาหาร“หมา-แมว” แซงอาหารคน ลุ้นส่งออกแสนล้านครั้งแรกในประวัติศาสตร์

23 ก.ย. 2565 | 05:52 น.

ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงพุ่งแรงแซงทูน่ากระป๋องอาหารคน เผยตัวเลขโตสองหลักต่อเนื่อง 35 เดือน สมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย คาดทั้งปีแตะ 9 หมื่นถึง 1 แสนล้านบาทเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ลุ้นผงาดท็อป 3 อันดับแรกของโลก 10 บิ๊กวงการแข่งขยายลงทุน 3 ปีกว่า 1 หมื่นล้าน

 

ปี 2564 ไทยส่งออกสินค้าอาหารมูลค่ารวมกว่า 1.1 ล้านล้านบาท โดยอยู่อันดับ 13 ของโลก ปี 2565 ภาคเอกชนคาดไทยจะส่งออกอาหารได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านล้านบาท และไต่อันดับโลกดีขึ้น ในจำนวนนี้สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง โดยข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากรในปี 2564 การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยมีมูลค่า 77,805 ล้านบาท แซงหน้าทูน่ากระป๋องที่เป็นอาหารคนที่มีมูลค่าส่งออก 56,188 ล้านบาท เป็นครั้งแรก และ 7 เดือนแรกปีนี้การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง ยังแรงไม่ตกส่งออกแล้ว 57,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ทูน่ากระป๋องส่งออกได้ 41,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30%

 

อาหาร“หมา-แมว”  แซงอาหารคน ลุ้นส่งออกแสนล้านครั้งแรกในประวัติศาสตร์

 

นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า อุตสาหกรรมการผลิตและการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยการส่งออกขยายตัวในระดับตัวเลขสองหลักในทุกเดือนติดต่อมา 35 เดือน หรือเกือบ 3 ปีต่อเนื่อง ผลพวงจากโควิดมีผลทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น และเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว นก และอื่น ๆ เพื่อเป็นเพื่อนมากขึ้น รวมถึงจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี คนแต่งงานลดลง หรือมีลูกน้อยลง มีการเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อน หรือเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวมากขึ้น

 

นอกจากนี้อาหารสัตว์เลี้ยงเป็นสินค้าที่ไม่ถูกกีดกันการค้า เพราะเกรงเป็นการทำร้ายสัตว์ ขณะที่สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกมีภาษีนำเข้าเฉลี่ย 0-5% เท่านั้น ดังนั้นจึงคาดว่าในปีนี้การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยจะสามารถส่งออกได้ 9 หมื่นล้านบาท ถึง 1 แสนล้านบาทเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และคาดปีนี้ไทยจะติดท็อปทรี หรือผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงใน 3 อันดับแรกของโลก

 

ข้อมูล www.trademap.org ปี 2563 ประเทศผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง 5 อันดับแรก ได้แก่ เยอรมนี, สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส, ไทย และเนเธอร์แลนด์ และข้อมูล Mordor Intelligence Analysis ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงแบบพรีเมียมของโลกปี 2564 มีมูลค่า 83,022 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 105,096 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2569 หรือมีอัตราเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 4.8% ต่อปี

 

ชนินทร์  ชลิศราพงศ์

 

 “ปีนี้ไทยน่าอยู่อันดับ 3 ของผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงโลก และตัวเลขการส่งออกน่าจะยังเติบโตในระดับตัวเลขสองหลักต่อเนื่อง จากช่วง 3 ปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการมีการลงทุนสร้างโรงงานและเพิ่มกำลังผลิตโดยการส่งเสริมของบีโอไอ คิดเป็นมูลค่ารวมกันมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยมีผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป, ซีพี, ซีแวลูกรุ๊ป, เอเชี่ยน อะไลอันซ์ฯ, เนสท์เล่ฯ เป็นต้น รวมผู้ผลิตมากกว่า 10 ราย โรงงานรวม 15-20 โรง ซึ่งตลาดทั้งในประเทศและตลาดส่งออกเวลานี้ไปได้ดี ทุกรายมีกำไร ส่วนอุปสรรคมีบ้าง เช่น ราคาวัตถุดิบการผลิตที่เป็นพวกไก่ พืชผักต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น”

 

ด้านสินค้าทูน่ากระป๋อง นายชนินทร์ กล่าวว่า 7 เดือนแรกปีนี้ ส่งออกแล้ว 40,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดทั้งปีนี้จะส่งออกได้ 7.5-8 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมากกว่า 30% ผลพวงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ ราคาพลังงาน เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก กำลังซื้อลดลง สวนทางค่าครองชีพสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคทั่วโลกมีการกักตุนสินค้าอาหารราคาประหยัดที่ตอบโจทย์อย่างทูน่ากระป๋องเพิ่มขึ้น

 

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากมีตู้สินค้าส่งออกหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นจากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนไทยที่ช่วยกันผลักดัน ค่าระวางเรือในการขนส่งในครึ่งปีหลังปรับตัวลดลง ราคาวัตถุดิบปลาทูน่า มีเสถียรภาพปรับขึ้นไม่มาก เงินบาทอ่อนค่าเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจากปัจจัยโดยรวมข้างต้นถือเป็นปัจจัยบวกที่จะส่งผลให้การส่งออกทูน่ายังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้จะขยายตัวได้ไม่เท่าอาหารสัตว์เลี้ยงก็ตาม

 

 “การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นยังไปได้ช่วงภาวะสงคราม ราคาพลังงาน และเงินเฟ้อสูงทั่วโลก ขณะที่สินค้าราคาสูง เช่น รถยนต์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เวลานี้การผลิตเพื่อส่งออกยังมีปัญหาขาดแคลนชิป รวมถึงเป็นสินค้าที่ยังไม่ค่อยจำเป็น ทำให้มีการชะลอการสั่งซื้อและนำเข้า ส่วนเครื่องนุ่งห่ม และสิ่งทอก็มีการสั่งซื้อลดลงเพราะยังใช้ของเดิมได้” นายชนินทร์ ฉายภาพ