ขสมก."กางแผนฟื้นฟู" แก้หนี้ 1.24 แสนล้าน หลังนายกฯ เบรกจ้างวิ่ง EV 224 คัน

30 มิ.ย. 2565 | 13:19 น.

ขสมก.เร่งชี้แจง หลังนายกฯสั่งชะลอจ้างเหมาวิ่งรถเมล์ EV 224 คัน พร้อมเปิดแผนฟื้นฟู-จัดหารถโดยสาร แก้หนี้ 1.24 แสนล้านบาท ฟากบอร์ดคนร.แนะถกสภาพัฒน์รอบใหม่ หาข้อสรุปจ้างเดินรถ

รายงานข่าวจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) เปิดเผยถึงกรณีที่ นายกฯ สั่งขสมก.เบรกโครงการจ้างเหมาวิ่งรถเมล์ EV นำร่อง 224 คัน มูลค่า 953 ล้านบาท ส่อหลีกเลี่ยงไม่ผ่านบอร์ดสภาพัฒน์ตรวจสอบนั้น ทางขสมก. ขอชี้แจงว่าปัจจุบัน ขสมก. มีรถโดยสารประจำทางอยู่ 2,885 คัน

 

และมีเส้นทางให้บริการ จำนวน 107 เส้นทาง ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เนื่องจาก ที่ผ่านมา ขสมก. ประสบปัญหาการขาดทุนจากต้นทุนการให้บริการไม่สอดคล้องกับรายได้ที่ได้รับทำให้มีภาระหนี้สินผูกพันต่อเนื่อง ประมาณ 124,000 ล้านบาท

 

 

ส่วนรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ที่มีอยู่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและดูแลรักษาจำนวนมาก ประมาณ 1,600 ล้านบาทต่อปี ประกอบกับตามหลักเกณฑ์การบรรจุรถโดยสารประจำทางเพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการจากกรมการขนส่งทางบกนั้นกำหนดให้ต้องนำรถใหม่หรือรถที่จดทะเบียนไว้ไม่เกิน 2 ปี เพื่อบรรจุในใบอนุญาตดังกล่าวภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการ

 

ส่งผลให้ ขสมก. มีความจำเป็นต้องจัดหารถโดยสารประจำทางอย่างเร่งด่วน เพราะไม่มีรถใหม่บรรจุตามเงื่อนไขดังกล่าว ประกอบกับหากไม่สามารถนำรถไปบรรจุได้ทันภายในระยะเวลากำหนดอาจส่งผลให้ ขสมก. เสียสิทธิการเป็นผู้ประกอบกิจการเดินรถอันเป็นภารกิจหลักขององค์การ รวมทั้งไม่สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเท่าเทียมทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ใช้บริการรถโดยสารประจำทางของ ขสมก.

รายงานข่าว กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดหารถโดยสารในวิธีการจ้างเหมาบริการ แทนที่จะเป็นการซื้อ หรือการเช่ารถโดยสารประจำทางนั้น ขสมก. ขอชี้แจงในประเด็นนี้ว่า การจ้างเหมาบริการเอกชนจัดหารถโดยสารและพนักงานขับรถ เป็นการใช้งบดำเนินงานจากค่าโดยสาร ,ส่วนต่างของต้นทุนด้านเชื้อเพลิงจากน้ำมันดีเซล เป็น ระบบไฟฟ้า, ส่วนต่างของค่าเหมาซ่อมที่ลดลง

 

รวมทั้งต้นทุนค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากรเดินรถ โดยไม่ใช้งบลงทุนเพิ่มในการดำเนินการ ไม่ต้องกู้เงินเพิ่ม และไม่เป็นภาระผูกพันในระยะยาว เนื่องจากเป็นการทำแผนงานระยะเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นวิกฤตของ ขสมก. โดยเป็นสัญญาระยะสั้น ในช่วงที่รอให้แผนฟื้นฟูได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการ

 

 

นอกจากนี้แนวทางการจัดหารถโดยสารด้วยวิธีการจ้างเหมาบริการนั้น ขสมก. อ้างอิงตามหลักการจำแนกงบประมาณรายจ่ายตามงบประมาณในหมวดค่าใช้สอย ที่หมายถึงรายจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งบริการ (ค่าจ้างเหมาบริการ เพื่อให้ผู้รับจ้างทำการอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง แต่ไม่ใช่เป็นการประกอบ ดัดแปลง ต่อเติมหรือปรับปรุง ครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง) ตามหนังสือของสำนักงบประมาณ ที่ นร 0704/ว33 ลงวันที่ 18 มกราคม 2553

ขณะเดียวกันภายใต้ขอบเขตของการดำเนินงานในโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเดินรถและลดมลภาวะในเขตเมืองรวมทั้งการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของ ขสมก. ดังที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น ซึ่งมีความต้องการรถโดยสารประจำทาง ประมาณ 200 คัน โดยไม่ใช้งบลงทุน เพราะไม่เป็นรายจ่ายเพื่อให้เกิดสินทรัพย์ถาวร จึงไม่เข้าข่ายดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2563 ประกอบกับ มาตรา 7 (5) แห่ง พ.ร.บ. สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ.2561

 

 

 

อย่างไรก็ตาม จากการประชุม คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ ขสมก. เร่งรัดการดำเนินการตามมติการประชุม คนร. และทุกข้อสังเกตในที่ประชุม ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุดเพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการกับประชาชนให้มีประสิทธิภาพและให้ประชาชนได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุด

 

ทั้งในประเด็นการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และการขอคำปรึกษาหารือกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้มีความโปร่งใส ชัดเจน ตรวจสอบได้ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ต่อไป