"กอบศักดิ์"วิเคราะห์ ไพ่ใบสุดท้าย เฟดสยบเงินเฟ้อพุ่ง จบด้วย RECESSION

30 มิ.ย. 2565 | 03:22 น.

"กอบศักดิ์"ชี้ทางออกเฟด จัดการเงินเฟ้อพุ่ง จบด้วยการให้เกิด"ภาวะเศรษฐกิจถดถอย" เตือน ! เอกชน-ธุรกิจ เตรียมตัวให้พร้อม 1-2 ปี สะสมสภาพคล่อง-ลดสิ่งไม่จำเป็น

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)  โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เตือนภาคธุรกิจ- เอกชน เตรียมพร้อมรับมือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต หลังวิเคราะห์ ไพ่ใบสุดท้าย ในการจัดการเงินเฟ้อพุ่ง เฟดไม่พ้นจบด้วยการให้เกิด RECESSION เนื้อหาดังนี้


เตรียมตัวให้พร้อม !!!
เมื่อคืนนี้ ได้ฟังท่านประธานเฟด ท่านประธาน ECB ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ และผู้จัดการใหญ่ของ BIS ร่วมเสวนาในเรื่อง Challenges for Monetary Policy in Rapidly Changing World หรือ ความท้าทายสำหรับนโยบายการเงิน ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่น่าสนใจในการเสวนา ก็คือ ความในใจของนายธนาคารกลางชั้นนำของโลก โดยเฉพาะท่านประธานเฟด

 

ท่านบอกว่า
Clock is running out to bring inflation down
เวลาเริ่มเหลือน้อยแล้ว ในการจัดการกับเงินเฟ้อ
It’s gotten harder ... The pathways have gotten narrower.’
สำหรับโอกาสของการ Soft Landing นั้น "ยากขึ้น และเส้นทางไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้แคบลงมาก"

 


There’s no guarantee the central bank can tame runaway inflation without hurting the job market.
ท่านไม่สามารถรับประกันได้ว่า "สงครามของเฟดกับเงินเฟ้อ" จะไม่สร้างปัญหาใหญ่ให้ตลาดแรงงาน ไม่สามารถรับประกันได้ว่า จะไม่มีคนตกงาน
We now understand better how little we understand about inflation
เราเข้าใจแล้วว่า เราเข้าใจเงินเฟ้อน้อยแค่ไหน !!!!

 


Our model is not capable of producing high inflation.
โมเดลที่เราใช้ ไม่สามารถจำลองสถานการณ์เงินเฟ้อสูง ที่กำลังเกิด
It is a deep in the tail kind of risk. Very hard to predict and access.
เหตุการณ์ที่กำลังเกิดอยู่ขณะนี้ เป็นเหตุการณ์เฉพาะ ที่ยากจะประเมินและคาดการณ์ได้

 

"กอบศักดิ์"วิเคราะห์ ไพ่ใบสุดท้าย เฟดสยบเงินเฟ้อพุ่ง จบด้วย RECESSION

 

สรุปว่า ยิ่งฟัง ก็ยิ่งเข้าใจว่า ธนาคารกลางมีปัญหาในการประเมินสถานการณ์ว่ากำลังสู้กับอะไร และจะออกจากปัญหาได้อย่างไร
ทำให้มีคำถามต่อไปว่า ที่เฟดบอก "เอาอยู่ จัดการเงินเฟ้อได้แน่ และให้เชื่อเฟด" นั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานอะไร?
หากโมเดลที่เฟดและธนาคารกลางใช้ในการสู้ศึก มีข้อจำกัด ไม่ใช่ตัวแทนของโลกจริง
หรือว่าที่ท่านกำลังพูด อธิบายกันอยู่นั้น เป็นเพียง "คำปลอบใจ"
ที่กระทั่งตัวท่านเอง ก็ไม่มั่นใจว่า "จะทำได้ตามที่พูดหรือไม่"

 

สำหรับที่ท่านประธานเฟดบอกว่า เวลาเหลือน้อยเต็มทนแล้ว สำหรับการจัดการกับเงินเฟ้อ เฟดต้องเร่งการดำเนินนโยบายให้ทันกับปัญหาที่เกิดขึ้น นั้น


อันนี้ คงเกิดขึ้นจริง
ซึ่งหมายความต่อไปว่า เราก็เหลือเวลาไม่มากในการเตรียมตัวรับกับผลพวงที่จะตามมา
เพราะทั้งหมด คงจะจบลงด้วยการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต เพื่อให้กระบวนการปรับขึ้นราคาสินค้า ค่าจ้างต่างๆ ดำเนินต่อไปไม่ได้
เมื่อขายของไม่ได้ บริษัทปิด คนตกงาน ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นราคาสินค้า ไม่มีใครกล้าเรียกร้องเงินเดือนเพิ่ม
ขอให้พอทำมาหากินได้ มีงานทำ ก็พอแล้ว
ซึ่งจะนำไปสู่การ Set zero เริ่มต้นใหม่ของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ธนาคารกลางจะช่วยกระตุ้นอีกครั้ง หลังชนะสงคราม

 

นี่คือ หมัดเด็ด ไพ่ใบสุดท้าย ของเฟด ที่นำมาใช้ได้เสมอ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ตั้งแต่นักเศรษฐศาสตร์มีตำรา "เศรษฐกิจมหภาค" เป็นต้นมา ก็เข้าใจว่าจะจัดการเงินเฟ้อได้อย่างไร และเป็นที่มาว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่จบลงด้วยภาวะ Recession ที่มาจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางเป็นสำคัญ

 

สอดรับกับภาพด้านล่าง ที่จะเห็นได้ว่าสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐ ก่อนจะมี Recession ที่เป็นแถบสีเทา จะนำมาด้วยการขึ้นดอกเบี้ยอยู่เสมอๆ
ครั้งนี้ก็คงเช่นกัน
หากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องบอกว่า เรากำลังมีปัญหา "Slow motion train wreck" หรือ รถไฟเบรกแตก กำลังวิ่งเข้าสู่ชานชาลา
เสียหายแน่ แต่ข้อดีคือ เรายังมีเวลาเตรียมตัว อพยพคน ยกเอาข้าวของออกจากชานชาลา และสถานีได้

 

ธุรกิจก็เช่นกัน ถ้าอนาคตจะเป็นเช่นนี้ ช่วงนี้ก็ขอให้ทุกคนเตรียมการรับมือ สิ่งที่ไม่จำเป็นก็ลดละ เตรียมสะสมสภาพคล่องต่างๆ ไว้ให้พร้อม สิ่งที่สุ่มเสี่ยงเกินไป คงต้องชะลอไปก่อน
เท่าที่ดู เราคงมีเวลาอีกระยะ ประมาณ 1-2 ปี ในการเตรียมการ
ถ้าเราเตรียมตัวดี ก็จะผ่านไปได้
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ

 

ที่มา : เฟซบุ๊ก Kobsak Pootrakool