คอรัล ไลฟ์ รุกตลาดธุรกิจสีเขียวอาเซียน ปตท.วางใจสร้างอาคารประหยัดพลังงาน

29 มิ.ย. 2565 | 14:09 น.

คอรัล ไลฟ์ รุกตลาดธุรกิจสีเขียวในอาเซียน หวังเป็นผู้นำด้านกรีน อิโคโนมี นวตกรรมอาคารประหยัดพลังงาน หลังได้รับความไว้วางใจจาก ปตท. สร้างอาคารประหยัดพลังงานสะสมคาร์บอนเครดิต ได้คุณภาพอากาศในอาคารที่ดีต่อสุขภาพ คืนสิ่งแวดล้อมสะอาดให้สังคม

 

จากสภาวะโลกร้อน และปัญหาขาดแคลนพลังงาน ที่กลายเป็นวิกฤตระดับโลกมีผลกระทบต่อทุกประเทศ ส่งผลให้บริษัทชั้นนำมองหา นวัตกรรมพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาทดแทน

 

 

 

ล่าสุด บริษัท คอรัล ไลฟ์ (Coral Life) ได้รับคัดเลือก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)ให้เป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างอาคารสำนักงานในโครงการโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 7 ของ ปตท. ซึ่งประเมินว่าช่วยลูกค้าประหยัดพลังงาน สะสมคาร์บอนเครดิต พร้อมได้คุณภาพอากาศในอาคารที่ดีต่อสุขภาพ คืนสิ่งแวดล้อมสะอาดให้สังคม

 

 

นาย เทพฤทธิ์  ทิพย์ชัชวาลวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอรัล ไลฟ์ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้เวลาและลงทุนไปกับการทำวิจัยและพัฒนา ได้มีการติดต่อพูดคุยและเข้าพบกับนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งเรื่อง Material Science และเรื่องอากาศ

 

โดยได้ศึกษาเทคโนโลยีของญี่ปุ่นและยุโรป เข้าพบบริษัทผู้ผลิตต่างๆมากว่า 40 แห่ง จนในที่สุดได้เลือกทำงานร่วมกับสถาบัน Passive House ที่ประเทศเยอรมนี สถาบันอิสระที่ได้รับการยอมรับในเรื่องอาคารประหยัดพลังงานและคุณภาพอากาศภายใน

 

และสร้างความร่วมมือกับอีก 5 บริษัทผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและเครื่องกรองอากาศที่เราได้เลือกสรรในต่างประเทศ คือ Saint-Gobain (ฝรั่งเศส), Zehnder (เยอรมนี), Schuco (สวิตเซอร์แลนด์, SIGA (สวิตเซอร์แลนด์) และ NorthGlass (จีน)

 

 

จากนั้นได้สร้างบ้านตัวอย่างเพื่อทดลองว่านวตกรรมที่คิดค้นนั้นใช้ได้จริง โดยสร้างบ้านขนาด 200 ตรม. สองชั้น สามห้องนอน ตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพกรีฑา ก่อสร้างและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆตามนวัตกรรมของคอรัลไลฟ์ และได้เปิดเครื่องปรับอากาศ เครื่องกรองอากาศตลอด 24ชั่วโมง มาตลอด 3 ปีครึ่ง

คอรัล ไลฟ์ รุกตลาดธุรกิจสีเขียวอาเซียน ปตท.วางใจสร้างอาคารประหยัดพลังงาน

จนถึงทุกวันนี้ ได้มีการเก็บข้อมูลอุณหภูมิและคุณภาพอากาศทั้งภายในและภายนอกบ้าน รวมทั้งการใช้ไฟฟ้า จนพบว่าค่าเฉลี่ยการใช้ไฟฟ้าของบ้านหลังดังกล่าวอยู่ที่ 5,400 kwh ต่อปี ซึ่งคิดเป็นค่าไฟฟ้าประมาณ 2,000 บาทต่อเดือนสำหรับการปรับอากาศและกรองอากาศทุกห้องในบ้านตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน

 

 

หากเทียบกับบ้านขนาดเดียวกันทั่วไป จะมีค่าเฉลี่ยการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 32,400 kwh ต่อปี ซึ่งคิดเป็นค่าไฟฟ้าประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน จนเราแน่ใจว่านวตกรรมของเราสามารถประหยัดพลังงานตั้งแต่ 70% ขึ้นไป อุณหภูมิและคุณภาพอากาศภายในอาคารถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติที่ทำงานคู่กับข้อมูลที่ได้จากเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้เย็นสบายและสดชื่นตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

กรณีของอาคาร Administration building 2,460 sqm ในโรงแยกก๊าซหน่วยที่7 นี้ เราสามารถลดจำนวนปริมาณ BTU ได้ 84% จาก 3,109,600 BTU หากเป็นการสร้างอาคารแบบ Conventional เหลือ 506,000 BTU การใช้พลังงานไฟฟ้าลดจาก 1,497,397 kwh/year เหลือ 379,008 kwh/year

 

หรือลดลง 75% ถ้าคิดเป็นเงินก็ประมาณ 4,700,000 บาทต่อปี นอกจากนั้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังสามารถสะสมคาร์บอนเครดิต  525.6 TON ต่อปี ถ้าคำนวณตามราคาซื้อขายที่ตลาดยุโรปก็จะได้ประมาณ 1,549,971 บาทต่อปี อาคารหลังนี้ก็จะได้รับการรับรองมาตรฐานของ Passive House ของประเทศเยอรมนี

 

 

ส่วนเรื่องอากาศภายในอาคารที่มีคุณภาพนั้น นายเทพฤทธิ์ได้อ้างถึงงานวิจัยชื่อ The Impact of Working in a Green Certified Building on Cognitive Function and Health หรือ ผลกระทบที่มีต่อการทำงานในอาคารที่ได้มาตรฐานสีเขียว

 

 

ในด้าน กระบวนการที่สมองใช้ในการรับข้อมูลและตัดสินใจ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Building and Environment ซึ่งสรุปว่า จากการทำวิจัยกับคน 109 คน ที่ทำงานอยู่ใน 10 อาคาร ใน 5 หัวเมืองในสหรัฐอเมริกา คนที่ทำงานอยู่ในอาคารประสิทธิภาพสูง

 

 

ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว มีความเข้าใจว่าสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานของตนดีกว่า มีอาการป่วยจากการทำงานในอาคารน้อยกว่า 30% มีกระบวนการที่สมองใช้ในการรับข้อมูลและตัดสินใจ

 

 

หรือ Cognitive Function สูงกว่า 26.4% และมีคะแนนการนอนหลับสูงกว่า 6.4% เมื่อเทียบกับคนทำงานในอาคารประสิทธิภาพสูงที่ไม่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว

 

 

โดย นายเทพฤทธิ์ได้นำตัวชี้วัดต่างๆ สำหรับมาตรฐานคุณภาพอากาศในอาคารของงานวิจัยนี้ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายเท คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ความชื้น เสียง อุณหภูมิ PM2.5 ฯลฯ มาเทียบกับค่าเหล่านี้ที่เขาเก็บข้อมูลจากบ้านตัวอย่าง พบว่า

 

บริษัท คอรัล ไลฟ์ จำกัด ผ่าน และทำได้ดีกว่าในบางค่า ซึ่งมั่นใจว่าคุณภาพอากาศในอาคารประหยัดพลังงานของ บริษัท คอรัลไลฟ์ จำกัด จะส่งผลดีต่อสุขภาพและประสิทธิภาพของคนในอาคาร

 

 

นายเทพฤทธ์ กล่าวต่อว่า เราเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ เพื่อเข้าสู่ Green Economy โดยเป็นผู้ออกแบบและติดตั้งโทเทิลโซลูชั่น (Total Solution) สำหรับอาคารและบ้านพักอาศัยทุกประเภท ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างอยู่ 5 โครงการ

 

 

สำหรับ รายได้ของบริษัทในปี 2564 คือ 55 ล้านบาท และในปี 2565 คาดจะมีรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท และมี Backlog อีกประมาณ 300 ล้านบาท และเชื่อว่า Business Model ของบริษัทในการเน้นการสร้างความร่วมมือกับผู้ออกแบบ ผู้รับเหมา ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง และองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและอากาศ จะทำให้เราสามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน

 

 

สำหรับเป้าคิดว่าข้อดีต่างๆของโซลูชั่นของบริษัทที่มีต่อลูกค้า คู่ค้า สังคมและสิ่งแวดล้อม น่าจะทำให้บริษัทสามารถได้ส่วนแบ่งตลาดของการก่อสร้างราว 2.5% ในเวลา 5 ปี ก็คือ 2.5% ของ 1.3 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 32,000 ล้านบาท

 

"ต้องการจะขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซี่ยน เนื่องจากบริษัทเป็นรายแรกในประเทศเขตร้อนชื้น ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานของสถาบัน Passive House โดยบริษัทได้ส่งข้อมูลที่เก็บจากบ้านตัวอย่างไปให้ทางสถาบันทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับเรา ที่มีความร่วมมือกับผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่เราเลือกสรร โดยบางเจ้าให้เราเป็นผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซี่ยน” นายเทพฤทธ์ กล่าว

 

 

นอกจากนี้ นายเทพฤทธิ์ ยังชวนให้คิดว่า ถ้าปริมาณ BTU ในกรุงเทพฯ ลดลงไป 80% และการใช้ไฟฟ้าของอาคารลดลงไป 70% จะเป็นยังไงบ้าง และการใช้ไฟฟ้าที่เหลืออีก 30% สามารถตอบโจทย์ด้วยพลังงานทางเลือก ถ้าอย่างนั้น Net Zero ก็เป็นไปได้

 

สุขภาพของคนกรุงเทพฯ จะดีขึ้น อีกทั้งชวนคิดต่อว่า Climate Change เกิดขึ้นแล้ว และมีราคาที่ทุกคนต้องจ่ายแพงมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม,ไฟป่า,อากาศพิษ,หมอกควัน ส่วน Climate Action นั้น มีราคาถูกกว่า Climate Change เยอะมากและยังได้ผลประโยชน์ต่างๆ อีกทั้งสุขภาพ และเศรษฐกิจ ทั้งได้เชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมทำ Climate Action กับคอรัลไลฟ์