ราคาน้ำมัน WTI พุ่ง 2% ปิดที่ 111.76 ดอลล์ คาดอุปทานน้ำมันโลกตึงตัว

28 มิ.ย. 2565 | 23:52 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (28 มิ.ย.) หลังมีรายงานว่าซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมัน เนื่องจากกำลังการผลิตของทั้ง 2 ประเทศใกล้เต็มศักยภาพแล้ว

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.19 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 111.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
         

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.89 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 117.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
         

โทบิน โกเรย์ นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากคอมมอนเวลธ์ แบงก์กล่าวว่า ตลาดน้ำมันโลกมีแนวโน้มที่จะเผชิญภาวะตึงตัวมากขึ้น เนื่องจากซาอุดีอาระเบีย และ UAE กำลังผลิตน้ำมันใกล้เต็มศักยภาพแล้ว ทำให้ทั้งสองประเทศไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น

นายซูเฮล อัล-มาสโรอี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของ UAE เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ ว่า กำลังผลิตน้ำมันของ UAE ใกล้เต็มศักยภาพตามโควต้า 3.168 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายใต้ข้อตกลงที่ทำร่วมกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
         

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่สนับสนุนมุมมองเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว รวมถึงการที่กลุ่ม G7 เห็นพ้องที่จะหาทางจำกัดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่พุ่งเป้าสกัดแหล่งทุนในการทำสงครามของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และข่าวลิเบียและเอกวาดอร์กำลังเผชิญภาวะไม่สงบทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยกระทบต่อการผลิตน้ำมัน

นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส ในวันที่ 30 มิ.ย. หลังจากมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค.และส.ค. รวมทั้งจับตาผลการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่กรุงโดฮา ซึ่งหากมีการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ก็จะปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด