รัฐบาล ใช้ไม้อ่อนรีดเงินโรงกลั่นน้ำมัน ลุ้นพรุ่งนี้ได้ข้อสรุป

28 มิ.ย. 2565 | 11:20 น.

คืบหน้ารีดเงินโรงกลั่นน้ำมัน “สุพัฒนพงษ์” รายงานนายกฯ ยันใช้ไม้อ่อน เจรจาขอความร่วมมือดึงค่าการกลั่นน้ำมันเข้ากองทุนน้ำมันก่อน ยังไม่มีออกอะไรมาบังคับ รับเสี่ยงมีผลกระทบในวงกว้าง ลุ้นการคุยกับเอกชนพุ่งนี้ได้ข้อสรุปหรือไม่

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการหารือกับพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบรายงานการเจรจาขอความร่วมมือนำส่งกำไรส่วนหนึ่งจากค่าการกลั่นน้ำมันเข้ากองทุนน้ำมันช่วงวิกฤติน้ำมันแพง 

 

โดยระบุว่า เรื่องนี้ยังคงใช้การเจรจาก่อน ส่วนการบังคับต้องทำด้วยความระมัดระวัง ส่วนในการประชุมร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมัน 6 วันพรุ่งนี้จะได้ข้อสรุปหรือไม่ ยอมรับว่า อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่ในใจก็อยากทำให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้ก็ประสานไปเรื่อย ๆ 

 

ส่วนกรณีที่นายกฯ เรียกประชุมระหว่าง 2 รองนายกฯ ดูแลกระทรวงพลังงาน และพาณิชย์ รวมทั้งมีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าหารือถึงกรณีข้อกฎหมาย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่าเรื่องนี้เข้าข่ายกฎหมายของกระทรวงพลังงานนั้น นายสุพัฒนพงษ์ ระบุว่า ในเรื่องนี้ คงต้องถามรายละเอียดเป็นทางการต่อไป 

“ตอนนี้การเจรจาก็ต้องใช้เวลาอีกนิดนึงก่อน และคงดูหลวม ๆ การจะบังคับอะไร ถ้าจะใช้จริง ๆ ก็มีข้อควรระวังหลายเรื่อง เพราะจะมีผลกระทบในวงกว้าง ทั้งการลงทุน ข้อกฎหมาย และการคุ้มครองการลงทุน” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

 

อย่างไรก็ตามในกรณีการแก้ปัญหากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งปัจจุบันติดลบเกินแสนล้านบาทแล้วนั้น อาจต้องหาช่องทางอื่น ๆ มาช่วยเสริมสภาพคล่องในช่วงที่กองทุนยังกู้เงินไม่ได้ และยังไม่ได้เงินจากโรงกลั่นน้ำมัน เช่น การขอเงินงบกลางจะทำได้หรือไม่นั้น มองว่า กองทุนน้ำมันก็คงมีช่องทางในการบริหารได้ 

แต่ล่าสุดก็มีการตั้งคณะอนุกรรมการด้านการเงิน โดยมีผู้แทนกระทรวงการคลังเป็นประธาน เพื่อพิจารณาแนวทางต่าง ๆ ในการเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมัน ส่วนการจะใช้กลไกทางด้านภาษี เช่น การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันอีกหรือไม่ เรื่องนี้ยังไม่ถึงเวลา และคงต้องรอกระทรวงการคลังพิจารณา แต่ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อก็คงทำแบบพุ่งเป้ามากขึ้น

 

ส่วนการกู้เงินเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันนั้น รองนายกฯ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหา รอแค่กระทรวงการคลังหาวิธีการก่อน ซึ่งตอนนี้มีหลายวิธีการที่ทำได้ ขอให้รอการตัดสินใจอีกครั้ง เชื่อว่าไม่นานนี้จะได้ข้อสรุป