กระทรวงอุตฯ เอาจริง บังคับ 600 รง. ติดระบบ CEMS คุมปล่อยมลพิษเรียลไทม์

19 มิ.ย. 2565 | 10:21 น.

“สุริยะ” คุมเข้มโรงงานระบายมลพิษขนาดใหญ่กว่า 600 โรงงานทั่วประเทศ สั่งติดตั้งระบบ CEMS บังคับใช้ 10 มิ.ย.66 ยกระดับเฝ้าระวังการควบคุมมลพิษอากาศจากปล่องโรงงานแบบเรียลไทม์ พร้อมดึงภาคประชาชนร่วมตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชั่น POMS

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ เพื่อรายงานมลพิษอากาศจากปล่องโรงงาน พ.ศ. 2565 ให้โรงงานขนาดใหญ่ 13 ประเภทที่ระบายมลพิษจากปล่องกว่า 600 โรงงานทั่วประเทศ ต้องติดตั้งระบบตรวจสอบการระบายมลพิษอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติต่อเนื่อง (Continuous Emission Monitoring Systems : CEMS) และเชื่อมโยงข้อมูลไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)

 

ทั้งนี้เพื่อควบคุมเฝ้าระวังการระบายมลพิษอากาศจากปล่องแบบเรียลไทม์ (Real time) ตลอด 24 ชั่วโมง มีผลตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป โดยโรงงานที่ขออนุญาตใหม่ต้องติดตั้ง CEMS ให้แล้วเสร็จก่อนเริ่มประกอบกิจการโรงงาน ส่วนโรงงานเก่าต้องติดตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 9 มิถุนายน 2567

 

สุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ

 

การดำเนินงานดังกล่าว นอกจากเจ้าหน้าที่จะสามารถดูค่าการระบายมลพิษได้ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ยังเปิดให้ประชาชนเข้าดูค่าการระบายมลพิษจากปล่องผ่านแอพพลิเคชั่น POMS เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของภาคอุตสาหกรรมที่จะไม่ระบายมลพิษเกินค่ามาตรฐานที่กำหนด และพร้อมให้ภาคประชาชนตรวจสอบ โดยสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น POMS ได้ทั้งระบบ ไอโอเอส และแอนดรอยด์

 

นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า กรอ. ได้ดำเนินการปรับปรุงประกาศกระทรวงฉบับดังกล่าวแล้วเสร็จ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 แล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 365 วันนับถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หรือตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2566 ซึ่งเป็นการขยายพื้นที่บังคับใช้ให้โรงงานติดตั้ง CEMS เพื่อรายงานมลพิษอากาศจากปล่องระบายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากเดิมบังคับใช้ในจังหวัดระยองแห่งเดียว

 

กระทรวงอุตฯ เอาจริง บังคับ 600 รง. ติดระบบ CEMS คุมปล่อยมลพิษเรียลไทม์

 

รวมทั้งปรับปรุงประเภทโรงงาน และชนิดของมลพิษที่ต้องตรวจวัด เพื่อควบคุมกำกับดูแลการระบายมลพิษอากาศในกลุ่มโรงงานขนาดใหญ่ ที่มีการระบายมลพิษสูงหรือกระบวนการผลิตสุ่มเสี่ยงจะมีการระบายสารมลพิษ เช่น โรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตต่อหน่วย 10 เมกกะวัตต์ (MW) ขึ้นไป หม้อน้ำที่มีขนาด 30 ตันไอน้ำต่อชั่วโมงขึ้นไป  หน่วยผลิตที่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิง 100 ล้าน บีทียู (MMBTU) ต่อชั่วโมงขึ้นไป โรงเหล็ก โรงกลั่นน้ำมัน โรงปูนซีเมนต์  โรงกระดาษ  โรงผลิตกรด  เตาเผาขยะ โรงผลิตแก้ว เป็นต้น

 

รวมถึงหน่วยผลิตอื่นที่ถูกกำหนดให้ติดตั้ง CEMS ตามเงื่อนไขรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) โดยกำหนดให้ต้องมีการตรวจวัดค่าความทึบแสง ฝุ่นละออง ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ออกไซด์ของไนโตรเจน ไฮโดรเจนซัลไฟด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ ปรอท ไฮโดรเจนคลอไรด์ หรือค่าอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด

 

ทั้งนี้ โรงงานที่ต้องติดตั้งระบบ CEMS เมื่อประกาศมีผลบังคับใช้ กว่า 50% จะเป็นโรงงานที่ได้ทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และถูกกำหนดให้มีการติดตั้งระบบ CEMS อยู่แล้ว ดังนั้นเชื่อมั่นว่ามาตรการเฝ้าระวังการระบายมลพิษจากปล่องโรงงานแบบ Real Time จะช่วยส่งเสริมให้เกิดประสิทธิภาพในการประกอบกิจการ และเป็นมาตรการหนึ่งในแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน