วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยภายหลังการประชุมผู้สื่อข่าวได้รับการแจ้งว่า ไม่มีการแถลงข่าวเหมือนทุกครั้ง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการแจ้งว่าผู้บริหารกระทรวงพลังงานจะแถลงข่าวภายหลังประชุมก็ตาม
ต่อมา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญของการประชุม ว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสถานการณ์พลังงานขณะนี้ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ว่า ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง จึงขอให้ทุกคนร่วมมือกันประหยัดพลังงานควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้มากขึ้น
โดยหน่วยงานรัฐจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการประหยัดพลังงานของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้เสนอมาตรการการลดใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐต่อคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยให้มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและมีการประเมินผล
โดยต้องลดใช้พลังงานให้ได้ 20% จึงขอให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม แล้วรายงานผลผ่านช่องทางตามที่กำหนดภายในห้วงเวลาที่กำหนดไว้ด้วย
ทั้งนี้ที่ประชุม กพช. ได้เห็นชอบอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2565 ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 - 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ใช้สำหรับ 34 โครงการ ปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารวม 282.98 เมกะวัตต์ และกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในปี 2568 – 2569
โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานดำเนินการออกระเบียบและประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2565 ภายใต้แผน PDP2018 Rev.1
พร้อมกันนี้ กพช. ยังรับทราบแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 - 2580 ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev. 1) ในช่วงปี พ.ศ. 2564 – 2573 (ปรับปรุงเพิ่มเติม)
รวมทั้งเห็นชอบหลักการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและข้อเสนออัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff สำหรับปี พ.ศ. 2565 - 2573 สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานดำเนินการออกระเบียบ ประกาศการรับซื้อไฟฟ้าและกำกับดูแลการคัดเลือกตามขั้นตอนต่อไป
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยให้สามารถบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศโดยการจัดหาพลังงานสะอาดตามแผน BCG ซึ่งครอบคลุมการผลิตไฟฟ้าจากขยะด้วยเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมไปถึงการใช้พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวภาพ และพลังงานน้ำจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งครอบคลุมทุกมิติ
โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อเร่งเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net-Zero Carbon Emission ของประเทศไทยให้ได้ 40% ภายในปี ค.ศ. 2030 หรือปี พ.ศ. 2573 ตามที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้แล้วต่อการประชุม COP26
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลสรุปผลผมติของที่ประชุม กพช.ครั้งนี้ จากโฆษกรัฐบาล ไม่พบว่ามีการออกมาตรการอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลผลกระทบจากสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงที่ออกมาอย่างชัดเจน