นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังคงให้คณะทำงานติดตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคือการการชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 ในงวดที่ 20
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ในงวดนี้ชาวนารับเงินชดเชยส่วนต่างอีก โดยมีรายงานจากนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ระบุว่า ได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 งวดที่ 20
ทั้ง นี้มีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 18-24 ก.พ.2565 จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ต้องจ่ายชดเชยแล้ว เพราะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยว
สำหรับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการจ่ายเงินส่วนต่างงวดที่ 20 ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่(ข้าวหอมจังหวัด) ราคา 11,815.28 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 2,184.72 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคา 10,280.55 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 719.45 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ราคา 8,383.83 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 1,616.17 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ราคา 9,834.41 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 2,165.59 บาท
"ในงวดนี้จะมีเกษตรกรบางส่วนได้รับเงินส่วนต่างสำหรับงวดที่ 20 สูงสุด คือ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 34,955.52 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 17,986.25 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 48,485.10 บาท(ตามเงื่อนไขครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน) และข้าวเปลือกเหนียว 34,649.44 บาท การจ่ายเงินส่วนต่างประกันรายได้ในปีที่ 3 หลักการเดิม คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าไปยังบัญชีของเกษตรกรภายใน 3 วันทำการหลังจากที่ได้มีการประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงเช่นเดียวกับปี 1 และปี 2”
ทั้งนี้จากที่กรรมการประกาศจ่ายเชยส่วนต่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ ติดวันหยุดราชการเสาร์-อาทิตย์ ดังนั้น ธ.ก.ส.จะต้องกดจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงสัปดาห์หน้าไม่เกินวันพุธหน้า (2 มี.ค.65)
นางมัลลิกา กล่าวอีกว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 3 ได้ประกันราคาข้าวเปลือก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน โดยเข้าเปลือกชนิดต่าง ๆ ความชื้นไม่เกิน 15%
ดังนั้น จึงขอแจ้งพี่น้องชาวนาให้ทราบโดยทั่วกันและหากท่านมีปัญหาตรงจุดใดให้ประสานงานกับ ธ.ก.ส. หรือ เกษตรตำบล เกษตรอำเภอ หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้ทั่วประเทศ นอกจากนโยบายประกันรายได้แล้วเกษตรกรยังมีโครงการที่เป็นมาตรการเสริมต่อเนื่องในปี 3 นี้ เพื่อยกระดับราคาให้ได้ ซึ่งเวลานี้ข้าวเป็นสินค้าประกันรายได้เพียงชนิดอย่างเดียวที่ราคายังไม่สูงกว่าราคาประกัน รองนายกรัฐมนตรีจุรินทร์จึงได้เร่งรัดการส่งออกข้าวและใช้โอกาสทุกเวทีในการผลักดันการส่งออกข้าวไทยให้ได้มากที่สุด