พลังงาน-อุตสาหกรรมปั้นขยะอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า 200 เมกกะวัตต์เพิ่มมูลค่า

14 ก.พ. 2565 | 09:33 น.

พลังงานผนึกอุตสาหกรรมปั้นขยะอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า 200 เมกกะวัตต์เพิ่มมูลค่า ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม มอบ กกพ.-สนพ.เร่งศึกษาอัตรารับซื้อที่เหมาะสมหวังเดินหน้าเปิดรับซื้อภายในไม่เกินสิ้นปีนี้ 100 เมกะวัตต์

นายสุพัฒนพงษ์  พันธ์มีเชาว์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมเพื่อผลิตไฟฟ้า (Waste-to- Energy) และการส่งเสริมการผลิตการใช้พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม

 

ซึ่งมีระยะเวลาความร่วมมือ 4 ปีเพื่อสอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy Model) โดยมีเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะเฟส 2 เพิ่มขึ้นอีก 600เมกะวัตต์

 

แบ่งเป็นขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ ขยะอุตสาหกรรม 200 เมกะวัตต์โดยเตรียมเปิดรับซื้อภายในไม่เกินสิ้นปีนี้ 

 

“ขยะอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระทรวงอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงต้องร่วมมือกันดำเนินงาน โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ไปพิจารณาอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมอย่างเหมาะสมต่อไปก่อนประกาศรับซื้อโดยหากต้องมีราคาสูงขึ้นเพื่อจูงใจแต่สามารถลดปริมาณขยะเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมได้ก็เป็นเรื่องจำเป็น”

สำหรับแนวทางการรับซื้อเบื้องต้นที่หารือกันมีแนวโน้มว่าปี 2565   จะแบ่งเป็นโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมปีละ 100 เมกะวัตต์ ขยะชุมชน 200 เมกะวัตต์  โดยจะมีการผลิตไฟฟ้าเพื่อป้อนเข้าสู่ระบบ (COD) ปี 2567 

 

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์

 

ขณะที่ปี 2566 จะรับซื้อในปริมาณเดียวกับปี 2565 แต่ COD ปี 2568  โดยก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะไปแล้วในระยะแรกรวมเป็นปริมาณทั้งสิ้น 343.94 เมกะวัตต์

 

แบ่งเป็นขยะชุมชน 313.16 เมกะวัตต์และขยะอุตสาหกรรม 30.78 เมกะวัตต์และยังมีในส่วนของการนำขยะมาเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตความร้อนปริมาณ 135 Ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ)
 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า  ขณะนี้ทั้ง 2 กระทรวงอุตสาหกรรมจะได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อศึกษาแนวทางศักยภาพของพื้นที่ และปริมาณขยะอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการพัฒนาโรงไฟฟ้าดังกล่าวที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan 2022)  

 

และให้ไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065

 

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

 

โดยได้มอบหมายให้กรมโรงงานอุคสาหกรม (กรอ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลธุรกิจอุตสาหกรรมรวมถึงวัตถุอันตรายด้านการผลิต สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ตามกรอบของกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ เป็นผู้ดำเนินงาน 

 

 

“กระทรวงอุตสาหกรรมจะป้อนขยะอุตสาหกรรมให้ได้ 5 ล้านตันจากทั้งหมด 18 ล้านตันแต่จะไม่รวมกับขยะอันตรายใดๆ น่าจะเพียงพอที่จะช่วยลดการฝังกลบ ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการดูแลมาก โดยโรงงานที่สร้างขยะมีรวม 6 หมื่นแห่ง หากมีโรงไฟฟ้าอนาคตก็ไม่จำเป็นต้องหาพื้นที่ฝังกลบและกระทบสิ่งแวดล้อมชุมชนเพิ่ม”