ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS หรือ KTB เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยมองว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ยังไม่ปรับดอกเบี้ยนโยบายโดยยังคงอัตราเดิมที่ 0.50% ต่อปี แม้ว่าเดือนที่ผ่านมาและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสูงจะอยู่ที่ 3% แต่ประมาณการเงินเฟ้อยังอยู่ที่ระดับ 2% และสอดคล้องกับกรอบบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่ระดับ 1-3% โดยเงินเฟ้อในครึ่งแรกของปีนี้อาจเกินกว่า 3% ถ้าราคานำมันดิบเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากตอนนี้เกินกว่า 90 ดอลลาร์/บาเรล มองว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 3% โดยครึ่งปีหลังเงินเฟ้อน่าจะปรับลดลงได้และไม่กดดันกนง.
“ครึ่งปีแรกอัตราเงินเฟ้ออาจเกินกว่า 3%ได้ ซึ่งจะกระทบกำลังซื้อของประชาชน การบริโภคของครัวเรือนชะลอลง เพราะมีค่าใช้จ่ายทั้ง ค่าไฟฟ้า ค่าเดินทาง ขณะที่ก๊าซหุงต้มมีโอกาสปรับตัว นอกจากต้องจับตาราคาพลังงานแล้วต้องติดตามความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ถ้าความขัดแย้งขยายวงเพิ่มขึ้นอาจจะมีส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการขนส่งระหว่างประเทศ ขณะที่กรุงไทยคาดว่าครึ่งปีหลังจะมีนักท่องเที่ยวจากรัสเซียเข้ามาประมาณ 2แสนคนต่อไตรมาส”
ปัจจุบันรัฐบาลพยาบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับไม่เกิน 30บาทต่อลิตร ซึ่งน้ำมันดีเซลมีความสำคัญต่อการขนส่ง และการเดินทาง ของประชาชน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาด้านพลังงานอื่นๆ เช่น ก๊าซหุงต้ม และค่าไฟฟ้าซึ่งมีการใช้แก๊สในการผลิตเชื้อเพลิง อาจจะกระทบค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน ร้านค้าขนาดเล็ก โดยหากปัจจัยเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง รัฐบาลอาจจะต้องเข้ามาดูแลโครงสร้างต้นทุนของผู้ประกอบการ ในแง่ค่าขนส่ง ค่าโดยสาร อาจจะขอปรับขึ้น รวมถึงค่าอาหาร เป็นต้น