กรมปศุสัตว์ สั่งลุยตรวจฟาร์ม แก้ “หมูแพง”

05 ม.ค. 2565 | 10:13 น.

“หมูแพง” กรมปศุสัตว์ นำคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมฟาร์มเกษตรกร เพื่อหาแนวทาง เพิ่มกำลังผลิต จูงใจให้เกษตรกรกลับมาเลี้ยงใหม่ อัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ จาก ธ.ก.ส.ในโครงการสานฝันสร้างอาชีพ

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ มอบหมายให้ นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมฟาร์มเกษตรกร เพื่อหาแนวทาง  "มาตรการเพิ่มกำลังผลิตสุกรขุนเพื่อแก้ปัญหาเนื้อสุกรราคาสูง "  ในวันพุธที่  5  มกราคม  2565  เวลา  13.30 น.   ณ  ลิ้มไพบูลย์ฟาร์ม  อำเภอเมือง  จังหวัดปราจีนบุรี

 

นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล

 

นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า เมื่อมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ผ่อนคลาย ผู้บริโภคมีความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น หากร่วมกับปัจจัยที่มีปริมาณการเลี้ยงลดลง อีกสาเหตุที่ทำให้ปริมาณหมูในปี 2564 ลดลงจากปี 2563 จากที่ผลิตได้ปีละ 20 ล้านตัวเหลือ 19 ล้านตัว  โดยส่งออก 1 ล้านตัว คงเหลือบริโภคในประเทศ 18 ล้านตัวจึงทำให้ราคาเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้น 

 

สำหรับการยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกรเพื่อป้องกันโรคระบาดจะส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM) ซึ่งค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาตรฐานฟาร์ม GAP เพื่อไม่ให้ต้นทุนการเลี้ยงสูงซึ่งมั่นใจว่า มาตรการสนับสนุนต่างๆ จะเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรกลับมาเลี้ยงใหม่และเพิ่มปริมาณการผลิตหมูให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภคซึ่งจะขอความร่วมมือผู้เลี้ยงรายกลางและรายใหญ่ให้ผลิตลูกหมูให้รายย่อยและรายเล็กไปเลี้ยง ทั้งยังมีการสนับสนุนการเลี้ยงโดยจะมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กู้ยืมจาก ธ.ก.ส. ในโครงการสานฝันสร้างอาชีพอีกด้วย

 

นายภวพรรธน์ ปฐมโพธิวัฒน์  ผู้จัดการฝ่ายผลิต  ลิ้มไพบูลย์ฟาร์ม  (สะพานหิน) กล่าวว่า  เป็นฟาร์มขนาดกลาง มีการจัดการฟาร์มที่ดี เป็นระบบปิด มีมาตรการระบบป้องกันทางชีวภาพ มีสุกรประมาณ  2,500 แม่ จำหน่ายสุกรขุน ลูกสุกร มีโรงผสมอาหารเอง มีโรงฆ่าสุกรมาตรฐาน GMP  มี Shop ขายเนื้อสุกรเองอีกด้วย