บำเหน็จชราภาพ 2565 ประกันสังคม ม.33 ม.39 อัพเดทที่นี่

05 ม.ค. 2565 | 10:00 น.

อัพเดท บำเหน็จชราภาพ 2565 ประกันสังคม ม.33 ม.39 หลัง ครม. คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ

อัพเดท  เงินบำเน็จชราภาพ ประกันสังคมม.33 ม.39  ภายหลังจากที่ คณะรัฐมนตรี(ครม.)  คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพเป็นการเฉพาะในช่วงที่มีการลดอัตราเงินสมทบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

ตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ ต่อไปได้ และให้กระทรวงแรงรับข้อเสนอแนะและความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดย การปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบกรณีชราภาพ เพื่อการจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มให้แก่ผู้ประกันตน แบ่งได้เป็น 2 ช่วงเวลา ดังนี้

เงินสมทบงวดเดือนมกราคม 2564 เป็นการนำอัตราเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ (กองทุน 2 กรณี) ในส่วนของรัฐบาลที่เกินจากอัตราเดิมซึ่งกำหนดไว้ในอัตราร้อยละ 1 ของค่าจ้างผู้ประกันตน เพิ่มเป็นอัตราร้อยละ 1.45 ของค่าจ้างผู้ประกันตน โดยนำอัตราเงินสมทบที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.45 ของค่าจ้างผู้ประกันตน มาสมทบเพิ่มในกองทุน 2 กรณี สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (ผู้ประกันตนซึ่งเป็นลูกจ้างซึ่งทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้าง) เดิมกำหนดอัตราเงินสมทบร้อยละ 3.7 ของค่าจ้างผู้ประกันตน เพิ่มเป็นร้อยละ 4.15 ของค่าจ้างผู้ประกันตน

และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (ผู้ประกันตนซึ่งเป็นบุคคลที่เคยทำงานอยู่ในบริษัทเอกชน ตามมาตรา 33 มาก่อนแล้วลาออก แต่ต้องการรักษาสิทธิประกันสังคมไว้ จึงสมัครเข้าใช้สิทธิประกันสังคมแทน) เดิมจัดเก็บที่ร้อยละ 3.7 ของค่าจ้างผู้ประกันตน เพิ่มเป็นร้อยละ 4.15 ของค่าจ้างผู้ประกันตน

 

เงินสมทบงวดเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2564 เป็นการนำอัตราเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ (กองทุน 2 กรณี) ในส่วนของรัฐบาลที่เกินจากอัตราเดิมซึ่งกำหนดไว้ในอัตราร้อยละ 1 ของค่าจ้างผู้ประกันตน เพิ่มเป็นอัตราร้อยละ 2.3 ของค่าจ้างผู้ประกันตน โดยนำอัตราเงินสมทบที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 ของค่าจ้างผู้ประกันตน มาสมทบเพิ่มในกองทุน 2 กรณี สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เดิมกำหนดอัตราเงินสมทบร้อยละ 2.9 ของค่าจ้างผู้ประกันตน เพิ่มเป็นร้อยละ 4.2 ของค่าจ้างผู้ประกันตน และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 เดิมจัดเก็บที่ร้อยละ 0.4 ของค่าจ้างผู้ประกันตน เพิ่มเป็นร้อยละ 1.7 ของค่าจ้างผู้ประกันตน

 

การปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบกรณีชราภาพดังกล่าว มีผลทำให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้น 347 บาทต่อคนต่อสามงวด

 

สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้น 146 บาทต่อคนต่อสามงวด โดยในภาพรวมผู้ประกันตนได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้นรวมทั้งหมดเป็นจำนวน 1,906 ล้านบาท จำแนกเป็น ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้นรวม 1,783 ล้านบาท และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้นรวม 123 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ ไม่ทำให้ค่าใช้จ่ายของกองทุนประกันสังคมเพิ่มขึ้น จึงไม่มีผลกระทบต่อกองทุนประกันสังคม และเพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินบำเหน็จชราภาพที่เพิ่มขึ้นไปใช้จ่ายเพื่อยังชีพในยามชรา อันเป็นการบรรเทาปัญหาทางการเงินของผู้ประกันตนได้บางส่วน

  • กำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
  • กำหนดให้การจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้แก่ผู้ประกันตนซึ่งออกเงินสมทบเข้ากองทุนในช่วงเวลาที่มีการลดอัตราเงินสมทบตั้งแต่วันที่ 1 - 31 มกราคม พ.ศ. 2564 ให้คำนวณจากอัตราเงินสมทบเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.45 ของค่าจ้าง
  • กำหนดให้การจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้แก่ผู้ประกันตนซึ่งออกเงินสมทบเข้ากองทุนในช่วงเวลาที่มีการลดอัตราเงินสมทบตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 ให้คำนวณจากอัตราเงินสมทบเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1.3 ของค่าจ้าง