ส.อ.ท. ขานรับนโยบายเปิดประเทศ ลุยจัดFTI EXPO 2022 กระตุ้นการใช้จ่าย

17 ธ.ค. 2564 | 02:43 น.

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จับมือภาครัฐและสมาชิกสภาอุตสาหกรรมฯ ครอบคุลม 11 คลัสเตอร์อุตสาหกรรม 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ และผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ภาคเหนือ รวมกว่า 400 ราย จัดงานFTI EXPO 2022 คาดยอดใช้จ่ายในงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ร่วมมือกับภาครัฐในการประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด จนกระทั่งปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลงมาก จึงได้หารือร่วมกับพันธมิตรจัดงาน FTI EXPO 2022 เพื่อแสดงความพร้อมในการเดินหน้าและ สร้างจุดเปลี่ยนให้วงการอุตสาหกรรมไทยก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน

 

FTI EXPO 2022 นอกจากจะเป็นการขานรับนโยบายเปิดประเทศแล้ว ยังถือเป็นการจุดพลุดอกแรก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของภาคเศรษฐกิจและภาคประชาชน ให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้อย่างเข้มแข็ง จัดขึ้นภายใต้แนวคิด SHAPING FUTURE INDUSTRIES I ฉากทัศน์ใหม่ อุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต ระหว่างวันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จังหวัดเชียงใหม่

 

 ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของภาคอุตสาหกรรมไทยและองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคการศึกษา ทั้งด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรม การค้าและการท่องเที่ยว เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มุ่งเน้นการแสดงศักยภาพ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปกติใหม่ (New Normal)

 

รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั่วโลก เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของภาคธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแสดงศักยภาพและยกระดับความก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในระดับประเทศภายใต้แนวคิด BCG Economy Model ซึ่งจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต

รวมทั้งเพื่อสร้างโอกาสในการขยายช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ไทย การค้าการลงทุนให้เชื่อมโยงสู่ระดับสากลอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วนของประเทศให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้แบบ Next Normal โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานและ มีส่วนร่วมผ่านช่องทาง Online ไม่ต่ำกว่า 50,000 คน สร้างโอกาสทางการค้าและเกิดเงินทุนหมุนเวียนภายในงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

 

ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในงานนี้จะชูแนวคิด BCG Economy Model หรือ Bio-Circular-Green Economy ที่ถือเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นนโยบายสำคัญของการดำเนินการของภาคอุตสาหกรรมเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืนในระยะยาว การนำ BCG Economy Model เข้ามาขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ เป็นสิ่งที่ประเทศไทยเราทำได้และมีความได้เปรียบ โดยเฉพาะด้าน Bio Economy หรือเศรษฐกิจชีวภาพเนื่องจากไทยมีทรัพยากร มีความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นจุดที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้

 

สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ร่วมผลักดันและดำเนินงานตามนโยบาย BCG ของประเทศ ภายใต้ 3 กลยุทธ์ คือ 1) การพัฒนาโมเดล BCG และการขยายผล 2) การพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ และ 3) การพัฒนามาตรฐานและการสนับสนุนด้านนโยบาย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ (Bio-Circular-Green Economy) ไปพร้อมกัน โดยมีเป้าหมายขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโต เกิดธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ทรัพยากรให้น้อยลง และลดมลพิษและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เกิดเป็นรูปธรรม

 

โดยมีกิจกรรมสำคัญ อาทิ การส่งเสริม Smart Agriculture Industry, การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร plant-based food, การพัฒนายารักษาโรค, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ผลิตภัณฑ์สมุนไพร, การส่งเสริมการจัดขยะพลาสติกภายใต้การสนับสนุน AEPW การพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ รวมถึงโครงการการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทยสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งทั้งหมดนี้ จะนำมาจัดแสดงสินค้าอุตสาหกรรม ครอบคลุม 11 คลัสเตอร์อุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มปูนซิเมนต์ กลุ่มการพิมพ์และอาหาร กลุ่มไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม กลุ่มเครื่องปรับอากาศ กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตร กลุ่มยานยนต์ คลัสเตอร์พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คลัสเตอร์สุขภาพและความงาม และสินค้าอุตสาหกรรมเด่นจาก 5 ภูมิภาค โดยกลุ่มยานยนต์ จะมีการจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้า (Zero Emission Vehicle : ZEV) และสร้างประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า Test Drive ภายในงานอีกด้วย

 

นอกจากนี้ ในอนาคตประเทศไทยจะมีแผนลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของภาคอุตสาหกรรมของไทยให้ไปสู่ Net Zero ตามข้อตกลงที่ไทยได้ให้คำมั่นไว้กับประชาคมโลก ดังนั้น เพื่อให้เกิดการลดหรือชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ สภาอุตสาหกรรมฯ จะมีการเปิดตัว Thailand Carbon Credit Exchange Platform แพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิตครั้งแรกในงานนี้ด้วย

 

ด้าน นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงไฮไลท์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในงานว่า บนพื้นที่ของการจัดงาน FTI EXPO 2022 กว่า 30,000 ตารางเมตร จะมีการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำหน้า สินค้าและบริการที่ทันสมัย รวมทั้งเป็นเวทีเปิดกว้างในการแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมไทยที่หลากหลาย ครบวงจร พร้อมระดมสุดยอดซีอีโอชั้นนำของประเทศทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายการขับเคลื่อนไทยสู่อนาคต

 

โดยประกอบด้วย 6 กิจกรรมหลักๆ ได้แก่ FTI FUTURE FORUM รวมสุดยอดผู้นำองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนระดับประเทศเพื่อแสดงนโยบายและวิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต, EXHIBITION & RETAIL มากมายด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าของเหล่าพันธมิตรและสินค้าอุตสาหกรรมไทย, Business Matching & Networking พบปะคู่ค้าคนสำคัญเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกัน, INNOVATION & TECHNOLOGY SHOWCASE ตื่นตากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรมล้ำสมัยที่เข้ามาช่วยให้ธุรกิจไปไกลกว่าเดิม, BCG ECONOMY MODEL SHOWCASE นำเสนอแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมที่จะเป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกของเรา, พบนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตจากผู้ประกอบการภาคเหนือ Northern FOOD Valley & สินค้าที่ผลิตในประเทศไทยโดยได้รับการรับรอง Made in Thailand จากสภาอุตสาหกรรมฯ

 

ในด้านความพร้อมของการจัดงาน นายมนตรีฯ เผยว่า เราได้เตรียมความพร้อมในการรองรับผู้เข้าชมในแต่ละวัน มีการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อความสมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านสถานที่ โรงแรมที่พัก ระบบสาธารณูปโภค มาตรการป้องกันโควิด-19 ระบบโลจิกติกส์ การบริการรถรับ-ส่งภายในงาน การปฐมพยาบาล การรักษาความปลอดภัย การบริการต้อนรับ ร้านค้า ร้านอาหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ในการดูแลต้อนรับและอำนวยความสะดวกผู้เข้าชมงาน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนและผ่านการตรวจ ATK ก่อนเข้าปฏิบัติงานทุกคน นอกจากนั้นแล้ว สภาอุตสาหกรรมฯ ยังร่วมกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ จัดเตรียมที่พักและบริการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่เดินทางไปร่วมงานนี้ ด้วยราคาพิเศษ!! โดยสามารถดูรายละเอียดโรงแรม ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวได้บนเว็บไซต์ www.FTIEXPO.COM

 

“และที่สำคัญ FTI EXPO 2022 ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565” นายมนตรีฯ กล่าว

 

ด้าน นายอนุชา มีเกียรติชัยกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เชียงใหม่มีศักยภาพและความพร้อมสูงมากในการจัดกิจกรรมไมซ์ เนื่องจากมีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลาย มีเอกลักษณ์ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งที่พัก การเดินทาง อีกทั้งเชียงใหม่ได้วางแผนพัฒนาจังหวัดระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566-2570) ที่มีเป้าหมายเพื่อให้เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง เศรษฐกิจดี ประชากรอยู่ดีกินดี และสิ่งแวดล้อมดี โดยมองยุทธศาสตร์การพัฒนาใน 3 ประเด็น คือ การท่องเที่ยวที่เพิ่มมูลค่าสามารถปรับเข้ากับสถานการณ์ได้ การเกษตรที่แม่นยำใช้ระบบดิจิทัลบนพื้นฐาน BCG และการค้าการลงทุนบนพื้นฐานของนวัตกรรมและความยั่งยืน ซึ่งการจัดงาน FTI EXPO 2022 ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมกับสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ จะเป็นการแสดงพลังของภาคธุรกิจและการผลิตที่ทำให้ประเทศยังคงเดินหน้าต่อไปได้

 

ด้าน นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการอาวุโสจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ สสปน. กล่าวว่าอุตสาหกรรมไมซ์เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ซึ่งภายในงาน FTI EXPO มีการเปิดเวทีสร้างเครือข่ายผู้ซื้อพบผู้ขาย ผ่านการจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรม ในรูปแบบ on-ground event โดยเลือกพื้นที่เชียงใหม่ที่เป็นเมืองไมซ์ซิตี้ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีความพร้อมในการรองรับการจัดงานไมซ์เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเหนือ ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคจากการใช้จ่ายของนักธุรกิจและผู้ที่สนใจทั่วไปในการเข้าร่วมงานและการซื้อขายในงาน รวมทั้งยกระดับและนำเสนออุตสาหกรรมในกลุ่มคลัสเตอร์เป้าหมาย และการจัดงานนี้ถือเป็นการสนับสนุนแคมเปญ “เปิดเมืองปลอดภัย จัดงานไมซ์มั่นใจด้วยมาตรฐาน”เพื่อสนับสนุนการจัดงานไมซ์ด้วยมาตรฐานด้านสุขอนามัยในสถานที่จัดงานและกิจกรรมต่างๆ พร้อมทั้งขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย ในงานนี้ สสปน. ให้ความสำคัญในการสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อทำการจัดงานในรูปแบบไฮบริดนำเทคโนโลยีมามีส่วนร่วมในการจัดงานร่วมกับการจัดงานจริง ทั้งส่วนการเจรจาธุรกิจ หรือ Business Matching การจัดประชุมสัมมนา และสนับสนุนให้เกิดการจัดงานโดยนำแนวปฎิบัติการจัดงานแสดงสินค้าแบบ “Sustainable Event” และการจัดงานเพื่อลด “Carbon Footprint” รวมทั้งการอำนวยความสะดวกอื่นๆ ให้กับงานร่วมกับเมืองในฐานะเจ้าภาพ

 

นายสุพันธุ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย “สภาอุตสาหกรรมฯ มุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีการทำงานร่วมกัน สร้างการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจของประเทศ ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาร่วมสนับสนุนและร่วมเป็นกำลังสำคัญในเครือข่ายพันธมิตรจัดงานครั้งนี้ขึ้น เพื่อจุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่วงการอุตสาหกรรมไทย”