บัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนเดือนพฤศจิกายน ผู้ถือบัตรจำนวน 13.5 ล้านคน สามารถสแกนซื้อสินค้าร้านค้าคนละครึ่งได้หรือไม่เช็คที่นี่
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้โอนเงินให้กับผู้ถือบัตรจำนวน 13,537,294 คน และ กลุ่มพิเศษบัตรประชาชนโครงการเราชนะ ไม่เกิน 2,306,469 คน เป็นระยะเวลา 2 เดือน คือ เดือนพฤศจิกายน และ เดือนธันวาคม ตามมติคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ได้อนุมัติโครงการเพิ่มกำลังซื้ออีก 300 บาท
ตารางไทม์ไลน์โอนเงินเมื่อวันที่ 1 พ.ย.มีดังนี้
- ซื้อสินค้า วงเงิน 200/300 บาท ได้สิทธิทุกเดือน
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อ จากเดิมได้อยู่แล้วเดือนละ 200 บาท
- ล่าสุด ครม. อนุมัติเติมเงินเพิ่มให้อีก 300 บาท รวมเป็น 500 บาท (หมายเหตุ: ผู้ถือบัตรจะได้เงินทั้งสิ้น 700 และ 800 บาท) ระยะเวลา 2 เดือน คือ พ.ย. และ ธ.ค. กดเป็นเงินสดไม่ได้ นอกจากรูดซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้าแล้วสามารถรูดซื้อสินค้าที่ร้านค้าคนละครึ่ง
- ค่าโดยสารสาธารณะ วงเงิน 500 บาท ได้สิทธิส่วนลดทุกเดือน
- ค่าก๊าซหุงต้ม วงเงิน 45 บาท ได้ส่วนลด 3 เดือน/ครั้ง
ก่อนหน้านี้ นางแก้วกาญจน์ วสุพรพงศ์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 เห็นชอบและอนุมัติการเพิ่มวงเงินสนับสนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบ COVID-19 โดยโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 ได้เพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 เพิ่มเติมอีก จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน - ธันวาคม 2564 นั้น กรมบัญชีกลางจึงขอชี้แจงเกี่ยวกับการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2564 ดังนี้
ทุกวันที่ 1 ของเดือน (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)
- วงเงินซื้อสินค้า 700/800 บาทต่อเดือน (เป็นวงเงินเดิม 200/300 บาท และวงเงินจากโครงการเพิ่มกำลังซื้อ 500 บาท)
- ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อ 3 เดือน
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย
- ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน
- ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน
- ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ขสมก./ MRT/ BTS และ ARL 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)
ทุกวันที่ 18 ของเดือน (สามารถกดเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
- เงินคืนค่าไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
(สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)
- เงินคืนค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
(สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง)
ทุกวันที่ 22 ของเดือน (สามารถกดเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน.
ที่มา: กรมบัญชีกลาง