"กรมอุตุนิยมวิทยา" ประกาศฉบับที่ 6 พายุโซนร้อน "คมปาซุ"

13 ต.ค. 2564 | 05:15 น.

"กรมอุตุนิยมวิทยา" ประกาศฉบับที่ 6 พายุโซนร้อน กำลังแรง "คมปาซุ" พายุเคลื่อนตัวด้วยความเร็วประมาณ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 13-14 ตุลาคม 2564 เตือนอีสาน ระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก

ประกาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 6 พายุโซนร้อน “คมปาซุ”   ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2564

 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (13 ต.ค. 2564) พายุโซนร้อนกำลังแรง “คมปาซุ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 111.8 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 13-14 ตุลาคม 2564 หลังจากนี้จะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงวันดังกล่าว

 

อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

 

ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้

 

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

"กรมอุตุนิยมวิทยา" ประกาศฉบับที่ 6 พายุโซนร้อน  "คมปาซุ"

ด้าน สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. รายงาน นับถอยหลังอีก 19 วัน สิ้นสุดฤดูฝน ส่วน พายุโซนร้อน "คมปาซุ" มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศเวียดนาม และ ปะทะกับมวลอากาศเย็นทำให้อ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว ก่อนเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศลาวต่อไป ทั้งนี้ขอให้เฝ้าติดตามการคาดการณ์อย่างใกล้ชิดเฝ้าติดตาม ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ยังคงมีน้ำใช้การน้อย เพียง 6,514 ล้าน ลบ.ม.

 

อีก 19 วัน สิ้นสุดฤดูฝน