อุตสาหกรรมไก่เนื้อไทยมาตรฐานยุโรป ชูสวัสดิภาพสัตว์-สวล.สู่ความยั่งยืน

19 ก.ย. 2564 | 08:10 น.

สัมพันธ์ พงศ์สิทธิโชค ผู้คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงปศุสัตว์ เขียนบทความเรื่อง “อุตสาหกรรมไก่เนื้อไทย มาตรฐานที่คนไทยและทั่วโลกมั่นใจ”ระบุ ณ ปัจจุบันได้ยกระดับ และคนไทยได้รับประทานไก่มาตรฐานเดียวกับยุโรปแล้ว

 

วันนี้คุณกินไก่หรือยัง? ไม่ว่าจะเป็นไก่เนื้อนุ่มที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือไก่บ้านเนื้อเหนียวที่หาซื้อค่อนข้างยาก ก็เรียกได้ว่า คุณกำลังได้รับโปรตีนเนื้อขาวชั้นดีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย  ทั้งยังมีเกลือแร่และวิตามินต่างๆ เช่นโซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี วิตามินบี 1 และวิตามินบี 6 เป็นต้น ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อการรักษาสมดุลของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงสร้างภูมิคุมกันด้วย  

 

น่าภูมิใจที่ประเทศเล็ก ๆ อย่างไทยเราเป็นแหล่งผลิตเนื้อไก่สำคัญของโลก อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อจัดเป็นธุรกิจการเกษตรด้านปศุสัตว์ ที่ผลิตเพื่อการบริโภคภายในประเทศอย่างเพียงพอ ไม่เคยขาดแคลนแล้ว ยังติดอันดับ 4 ผู้ส่งออกเนื้อไก่ของโลกด้วยกำลังการผลิต 2.8 ล้านตันต่อปี โดยมีตลาดส่งออกหลักคือ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยทางอาหารและมาตรฐานการผลิตสูงมาก เข้าขั้นเข้มข้นกว่ามหาอำนาจสหรัฐฯด้วยซ้ำ การที่อุตสาหกรรมไก่ของไทยฝ่าด่านอียูและญี่ปุ่นได้ สะท้อนในอีกมุมว่าเนื้อไก่จากอุตสาหกรรมของบ้านเรา เป็นเนื้อไก่ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัย และคนไทยก็ได้กินไก่มาตรฐานเดียวกับยุโรป

 

อุตสาหกรรมไก่เนื้อไทยมาตรฐานยุโรป ชูสวัสดิภาพสัตว์-สวล.สู่ความยั่งยืน

 

 

ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อการส่งออกไทย ระบุว่าการเลี้ยงไก่เนื้อของไทย มีการคัดเลือกสายพันธุ์ตามวิถีธรรมชาติ และพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ไก่โตไวและแข็งแรง ขณะที่อาหารไก่เนื้อ ก็ได้รับการพัฒนาให้มีคุณค่าทางอาหารตามความต้องการในแต่ละช่วงวัยของไก่ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดด้านโภชนาการ ทำให้ไก่เจริญเติบโตได้ตามศักยภาพมาตรฐานสายพันธุ์ โดยไม่มีการใช้ฮอร์โมนเร่งโต ควบคู่ไปกับการจัดสิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงด้วยโรงเรือนระบบปิดแบบปรับอากาศด้วยการระเหยของน้ำ ที่มีการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับการเติบโตของไก่ มีความกว้างขวางให้ไก่แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติได้อย่างอิสระ นอกจากอากาศภายในโรงเรือนจะเย็นสบายช่วยให้ไก่สบายตัวไม่เครียด และมีสุขภาพดีแล้ว ยังปลอดภัยจากสัตว์พาหะนำโรคอย่างนก หนู แมลงด้วย

 

ที่สำคัญยังตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงวัตถุดิบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หนึ่งในห่วงโซ่อุปทานของไก่เนื้อ โดยปัจจุบัน ภาคเอกชนรายใหญ่ของไทยอย่างซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่มีความยั่งยืนสอดคล้องกับนโยบายของอียู ประเทศคู่ค้าที่เน้นการผลิตสินค้าที่มีความยั่งยืน หรือที่เรียกว่า European Green Deal ด้วยการส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้วิทยาศาสตร์เข้าช่วยในการเพิ่มผลผลิต เน้นย้ำการปลูกบนพื้นที่ที่ถูกกฎหมายโดยจัดลงทะเบียนการเพาะปลูก ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งเพาะปลูก และยืนยันได้ว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้งหมดไม่ได้มาจากการบุกรุกป่า 100% ตลอดจนปลอดการเผาหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นการลดปัญหาฝุ่นละอองและหมอกควัน การเลือกกินไก่ซีพีจึงเสมือนกินไก่ไร้ฝุ่นที่ช่วยลดภาระโลกในด้านสิ่งแวดล้อมได้อีกทางหนึ่ง

 

อุตสาหกรรมไก่เนื้อไทยมาตรฐานยุโรป ชูสวัสดิภาพสัตว์-สวล.สู่ความยั่งยืน

 

มาตรฐานด้านหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) เป็นอีกมาตรฐานหนึ่งที่ตอกย้ำความปลอดภัยทางอาหาร เป็นมาตรฐานเคร่งครัดที่ประเทศคู่ค้าทั่วโลก เช่น อียูให้ความสำคัญ ซึ่งประเทศไทยโดย “ซีพีเอฟ” ก็เป็นผู้ประกอบการรายแรกนอกเขตยุโรปที่ได้รับการรับรองด้านสวัสดิภาพสัตว์ของประเทศอังกฤษ (Assured Chicken Production certificated, UK) มาตั้งแต่ปี 2003 และยังคงมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ 

 

ประธานคณะกรรมการด้านสวัสดิภาพสัตว์และการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างมีความรับผิดชอบของซีพีเอฟ น.สพ.พยุงศักดิ์ สมยานนทนากุล เล่าว่าบริษัทนำหลักอิสระ 5 ข้อมาใช้ในการบริหารจัดการฟาร์ม ช่วยให้มั่นใจว่าสัตว์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ทำให้สัตว์มีสุขภาพดี เติบโตตามวัย ไม่ป่วย ไม่ต้องพึ่งยาปฏิชีวนะ หรือฮอร์โมนเร่งโต  ส่งผลดีต่อคุณภาพเนื้อสัตว์ที่จะส่งต่อให้ถึงมือผู้บริโภคให้สามารถรับประทานไก่จากอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยได้อย่างมั่นใจ

 

การมีอยู่ของอุตสาหกรรมไก่ที่มีศักยภาพในการผลิตไก่ให้เพียงพอต่อการบริโภคของประชากรโลก ภายใต้การคำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์ สิ่งแวดล้อม และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอาหารโปรตีนของประชาชนคนหมู่มาก จึงถือเป็นคุณูปการของอุตสาหรรม ของวิทยาศาสตร์และการวิจัยพัฒนา ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล เรียกว่ามั่นใจได้ทั้งความปลอดภัยในอาหาร และคุณประโยชน์ที่ได้รับอย่างทั่วถึง