พาณิชย์เปิดไต่สวนเอดีเหล็กจากอินโดฯ-มาเลย์ หลัง"โพสโค-ไทยน๊อคซ์"ร้องขอ

04 ก.ค. 2564 | 06:06 น.

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เปิดไต่สวนการทุ่มตลาดเหล็กจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย ตามคำขอของ บมจ.โพสโค-ไทยน๊อคซ์ หลังพบมีมูลและครบองค์ประกอบตามกฎหมาย “กีรติ”ชี้จะใช้เวลาไต่สวน 1 ปี เตรียมเปิดผู้มีส่วนได้เสียตอบคำถาม

เว็บไซต์ราชกิจจานุเษกษาลงวันที่ 2 มิถุนายน 2564  ได้เผยแพร่ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาด(เอดี)สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียและสหพันธรัฐมาเลเซีย พ.ศ. 2564 มีเนื้อหาดังนี้

ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามพระราชบัญญัติการตอบโต้ การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 ได้มีคำวินิจฉัยในการประชุม ครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ว่า คำขอของบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน) ที่ได้ยื่นขอให้พิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียและสหพันธรัฐมาเลเซีย ตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าคำขอมีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและ ความเสียหาย จึงเห็นควรให้เปิดการไต่สวน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและ การอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 และมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้ การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 สินค้าที่ถูกพิจารณา

สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีความหนา 0.3 - 3.0 มิลลิเมตร และมีความกว้างไม่เกิน 1,320 มิลลิเมตร ภายใต้พิกัดอัตราศุลกากร ปี พ.ศ. 2560 ประเภทที่ 7219.32.00.020 7219.32.00.030 7219.32.00.040 7 2 1 9 .3 2 .00 .080 7219.32.00.09 0 7219.33.00.020 7219.33.00.030 7 2 1 9 .3 3 .00 .040 7219.33.00.080 7219.33.00.090 7219.34.00.020 7 2 1 9 .3 4 .00 .030 7219.34.00.040 7219.34.00.080 7219.34.00.090 7 2 1 9 .3 5 .00 .020 7219.35.00.030 7219.35.00.040 7219.35.00.080 7 2 1 9 .3 5 .00 .090 7219.90.00.000 7220.20.10.020 7220.20.10.030 7 2 2 0 .2 0 .10 .040 7220.20.10.080 7220.20.10.090 7220.20.90.020 7 2 2 0 .2 0 .90 .030 7220.20.90.040 7220.20.90.080 7220.20.90.090 7 2 2 0 .9 0 .10 .000 7220.90.90.000 รวม 33 พิกัด ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียและสหพันธรัฐมาเลเซีย

พาณิชย์เปิดไต่สวนเอดีเหล็กจากอินโดฯ-มาเลย์ หลัง"โพสโค-ไทยน๊อคซ์"ร้องขอ

ข้อ 2 การพิจารณาการทุ่มตลาดและความเสียหาย

คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาเห็นว่า คำขอของบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน) มีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าการส่งสินค้าที่ถูกพิจารณาดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทย มีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหาย โดยมีข้อเท็จจริงโดยสังเขป

 ดังนี้ 2.1 การทุ่มตลาด

(1) สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ 15.34 ของราคา ซี ไอ เอฟ

 (2) สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสหพันธรัฐมาเลเซีย ทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ 18.45 ของราคา ซี ไอ เอฟ

2.2 ความเสียหาย

 มีหลักฐานเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมภายในได้รับความเสียหายหรือ มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในจากการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณา โดยพิจารณาจาก

  1. ปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากประเทศที่ถูกกล่าวหามีแนวโน้ม เพิ่มสูงขึ้น
  2. การนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณามีผลกระทบต่อราคาขายภายในประเทศ และมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของอุตสาหกรรมภายใน

ข้อ 3 กระบวนการไต่สวน

กรมการค้าต่างประเทศจะเริ่มดำเนินกระบวนการไต่สวนตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา โดยจะจัดส่งแบบสอบถามไปให้ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อตอบข้อมูลประกอบการไต่สวน ทั้งนี้ ผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่ได้รับแบบสอบถาม แต่ประสงค์จะขอตอบแบบสอบถามเพื่อเข้าร่วมในการไต่สวน สามารถแจ้งความจำานงเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศเพื่อขอรับแบบสอบถามได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่แจ้งความประสงค์ขอรับแบบสอบถามภายในเวลาที่กำหนดตามวรรคหนึ่ง กรมการค้า ต่างประเทศอาจพิจารณาจากข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ประกอบการไต่สวน

ข้อ 4 การเสนอข้อเท็จจริงและความเห็น

ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ ด้วยวาจาประกอบการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ข้อ 5 การขอทราบข้อมูลการเปิดไต่สวน

ผู้ใดประสงค์จะขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดไต่สวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อกองปกป้อง และตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ 11000 หมายเลขโทรศัพท์ 0 2547 5080

ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตาม ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การกำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564

ประกาศ ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ลงนามโดย กีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

อ่านราชกิจจาฯเปิดไต่สวนทุ่มตลาดเหล็กที่นี่ : T_0087.PDF

นายกีรติ  รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย ตามคำร้องขอของบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ถือเป็นไปตาม พ.ร.บ. หรือกฎหมายการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนจากมีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าคำขอมีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหาย และครบองค์ประกอบจึงเห็นควรให้เปิดการไต่สวน

“การเปิดไต่สวนจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี และอาจขยายเวลาต่อได้อีกไม่เกิน 6 เดือน โดยจากนี้ทางกรมฯจะส่งแบบสอบถามไปให้ผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งบริษัทเหล็กจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย อุตสาหกรรมและผู้เหล็กในประเทศช่วยตอบข้อมูลด้านต่าง ๆ  ซึ่งในช่วง 1 ปีนับจากนี้ในระหว่างการเปิดไต่สวนจะยังไม่มีการขึ้นภาษีเบื้องต้นเพื่อเป็นการตอบโต้  แต่จะรอจนกว่าจะมีผลการตัดสินออกมา”

อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลกในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเหล็กโอเวอร์ซัพพลาย ทำให้สินค้าถูกส่งเข้าไปขายในแต่ละประเทศในราคาต่ำ แต่สถานการณ์ปัจจุบันทิศทางเศรษฐกิจโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน ส่งผลให้มีความต้องการใช้เหล็กภายในของประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ส่งออกลดลง และราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตามผลการเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดเหล็กข้างต้นจากอินโดนีเซียและมาเลเซียจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องติดตาม