นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการทางพิเศษ(ทางด่วน) สายกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาทให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รับทราบแล้ว โดยขณะนี้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการฯ เสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงการได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า หากได้รับการอนุญาตจากกรมป่าไม้ ทางกระทรวงคมนาคมก็จะสามารถเสนอโครงการดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. ในต้นปี 64 ได้ และเริ่มดำเนินการเปิดคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) กลางปี 64 ได้ผู้ชนะประมูล พร้อมเริ่มก่อสร้างประมาณกลางปี 65 และเปิดให้บริการประมาณปลายปี 69 หรือต้นปี 70 ทั้งนี้โครงการทางด่วนกะทู้-ป่าตอง เป็นทางด่วนสายแรกที่มีช่องจราจรพิเศษสำหรับรถจักรยานยนต์ แยกต่างหากจากรถยนต์ปกติ นอกจากนี้ยังช่วยลดเวลาเดินทางจากกะทู้ไปป่าตอง เดิมประมาณ 1 ชั่วโมง เหลือไม่เกิน 10 นาที
ทั้งนี้จากผลการศึกษาพบว่า จะมีรถใช้บริการประมาณวันละ 7 หมื่นคัน มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) ประมาณ 20% ถือว่าเป็นโครงการที่มีความคุ้มค่า อย่างไรก็ตามในเรื่องของการขออนุญาตใช้พื้นที่ของกรมป่าไม้นั้น ทาง กทพ. ได้ตั้งคณะกรรมการ เพื่อหารือเรื่องดังกล่าวกับทางกรมป่าไม้แล้ว พร้อมกันนี้เบื้องต้นตนได้หารือกับนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้ว ซึ่งได้เสนอไปว่า หากอนุญาตให้ใช้พื้นที่คงต้องมีวิธีการชดเชย เช่น ใช้พื้นที่ป่าไม้ 1 ไร่ ก็ต้องปลูกป่าเพิ่มทดแทน 1 ไร่ เป็นต้น ก็จะทำให้โครงการสามารถเดินหน้าได้โดยที่ยังรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ถ้าไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่การพัฒนาก็จะไม่เกิด ซึ่งได้เร่งให้ กทพ. ไปประสานกรมป่าไม้เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด
รายงานข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งว่า สำหรับพื้นที่ที่ กทพ. ได้ขออนุญาตใช้จากกรมป่าไม้ เพื่อก่อสร้างโครงการ มีทั้งหมด 3 พื้นที่ป่า รวมประมาณ 109 ไร่ ประกอบด้วย 1.ป่าสงวนแห่งชาติ 2.ป่าถาวร และ 3.ป่าตาม พ.ร.บ.กรมป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งพื้นที่เหล่านี้จะใช้ก่อสร้างช่วงที่เป็นอุโมงค์ ระยะทางประมาณ 1.85 กม.