รายงานข่าวระบุว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ลดลง 29% เมื่อเทียบกับไตมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลมาจากราคาปิโตรเลียม และปิโตรเคมีที่ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้กลุ่ม ปตท. โดยได้รับผลกระทบมาจากสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบีย และรัสเซียกดดันราคาน้ำมัน และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงมาตรการปิดเมือง (Lockdown) และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกปรับลดลง
ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 นั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 100% โดยมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มสูงขึ้น จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าสุทธิกับขาดทุนจากตราสารอนุพัน์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายภาษีลดลงโดยหลักจาก ปตท.สผ.ที่มีกำไรลดลง และการเปลี่ยนสกุลเงินในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคล และรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของ ปตท.สผ.
ขณะที่ผลการดำเนินงานกลุ่ม ปตท. ในครึ่งแรกของปี 63 นั้น มีรายได้ลดลง 26% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีผลมาจากราคาปิโตรเลียมลปิโตรเคมีลดลง ส่งผลกระทบต่อกลุ่ม ปตท. ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำมันโลกลดลง รวมถึงสงครามการค้า
ด้านกำไรสุทธิลดลง 81% จากกค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายมากขึ้นจากการเข้าซื้อธุรกิจของ ปตท.สผ. และ GPSC รวมถึงภาษีลดลงตามผลการดำเนินงานที่ลดลง และกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้นสุทธิกับกำไรจากอัตราแลกเลกเปลี่ยนลดลง