รายงานจากฝ่ายแผนและบริหารบริษัทในเครือ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้วิเคราะห์ถึงแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงสัปดาห์นี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 29.5-36.0 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอยู่ในกรอบ 25.5-32.0 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบดูไบจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 27.5-34.0 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนมีสัญญาณจาก เฮอร์ริเคน “ Arthur" พัดเข้าชายฝั่งสหรัฐฯ รุนแรงเทียบเท่า “แคทรีนา” เมื่อปี 2548
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากประเทศต่าง ๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ประกอบกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเกินคาดหมายทั้งกลุ่ม OPEC+ ซึ่งซาอุดิอาระเบีย มีแผนลดปริมาณการผลิตในเดือนมิถุนายน 2563 เพิ่มเติมจากโควตา ปริมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะลดปริมาณการผลิตเพิ่มเติม ปริมาณ 80,000 บาร์เรลต่อวัน และ 100,000 บาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ทางการอิรักเปิดเผยว่าจะสามารถปรับลดปริมาณการผลิตได้เพียง 700,000 บาร์เรลต่อวัน ลดน้อยกว่าข้อตกลง OPEC+ ที่ 1.06 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐอเมริกา ปรับตัวลดลง ล่าสุดจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ ฯ อยู่ที่ 339 แท่น ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2483 และรัสเซียผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสท ลดลงอยู่ที่ 9.43 ล้านบาร์เรลต่อวัน