ดร.วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าล่าสุดสสว.ประเมินผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติเชิงซ้อนทั้งปัญหา สงครามการค้าจีน-อเมริกา ภัยแล้ง วิกฤติเงินบาท และการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 พบว่าเบื้องต้นจากผู้ประกอบการในกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีในประเทศราว 3 ล้านราย ในจำนวนนี้จะได้รับผลกระทบทางลบประมาณ 1.332 ล้านราย หรือคิดเป็น 44% ของธุรกิจทั้งหมด และในจำนวนนี้สามารถแยกประเภทธุรกิจออกเป็นกลุ่มค้าปลีกจำนวน 873,360 ราย , ร้านอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 330,875 ราย, ที่พัก โรงแรม บริการการท่องเที่ยวจำนวน 45,430 ราย ,บริการขนส่ง 64,885 ราย,กีฬา นันทนาการ 18,355 ราย
“ถ้าแยกตามผลการสำรวจแต่ละภาคจะพบว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบมากจะอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก (ดูกราฟิก)”
นอกจากนี้จากการประเมินยังพบว่าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ มีการจ้างงานประมาณ 4,088,002 ราย คิดเป็น 25% ของแรงงานทั้งหมด
สำหรับในส่วนของแรงงานที่ถูกปลดและกลับไปทำงานในภาคเกษตร ก็จะเจอกับปัญหาภัยแล้ง งานหาย เงินหาย ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น มาตรการที่ประกาศโดยครม.เพื่อแก้ไขปัญหาการเลิกจ้าง จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในระยะนี้