นายชุมชนิตร จิตต์หมั่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด หรือแทปไลน์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมน้ำมันยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่มองว่าน่าจะโตได้อีก 2-3% ในปีหน้า ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะเมื่อมีผู้เดินทางมากขึ้น ปริมาณน้ำมันที่ใช้เติมเครื่องบิน ก็จะเพิ่มขึ้นตาม ดังนั้น บริษัทจึงตั้งเป้าว่าในปี 67 การขนส่งน้ำมันทางท่อของบริษัท จะเติบโตขึ้นอีก 20% จาก ปัจจุบันที่มีปริมาณขนส่งอยู่ที่กว่า 14,000 ล้านลิตรต่อปี
ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทมาจนถึงปัจจุบัน บริษัทได้ขนส่งน้ำมันทางท่อมาแล้ว จำนวนกว่า 260,000 ล้านลิตร โดยปริมาณน้ำมันดังกล่าวหากเป็นการขนส่งโดยทางรถจะเทียบเท่ากับวันละประมาณ 1,000 เที่ยว ซึ่งการขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อนี้ จะช่วยลดมลพิษในอากาศที่เกิดจากรถขนส่งได้ถึงปีละ 80,000 ตัน เทียบเท่ากับการปลูกป่ามากถึง 50,000 ไร่ต่อปี
“แม้ว่ารัฐบาลจะรณรงค์ให้ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น แต่ส่วนตัวแล้วมองว่าอุตสาหกรรมน้ำมันยังเติบโตได้อีกมาก โดยการดำเนินงานของบริษัทมาตลอด 30 ปี ได้เป็นส่วนสำคัญในด้านความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ อีกทั้งยังดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากการขนส่งน้ำมันทางท่อทำให้ลดปริมาณมลพิษ ทางอากาศลงได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งท่อส่งน้ำมันของบริษัทส่งน้ำมันมาจากโรงกลั่น 4 แห่งที่ศรีราชาและระยอง มายังคลังน้ำมันลำลูกกา และคลัง น้ำมันสระบุรี ที่เป็นแหล่งสำรองน้ำมันและศูนย์กลางการจ่ายน้ำมันไปยังพื้นที่อื่นๆ รวมถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง
สำหรับพื้นที่การส่งน้ำมันของบริษัทนั้น ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของความต้องการ ส่วนที่ เหลือจะเป็นการขนส่งโดยผู้ประกอบการรายอื่นทั้งผู้ประกอบการประเภทท่อส่งน้ำมัน และผู้ประกอบการที่ ขนส่งทางรถบรรทุกน้ำมัน
นายชุมชนิตร กล่าวต่อไปอีกว่า การดำเนินงานของบริษัทที่ผ่านมา เป็นการดำเนินธุรกิจที่คู่ขนานไปกับสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากการที่บริษัทกับชุมชนรอบคลังและแนวท่อมีความสัมพันธ์ที่ดี สิ่งที่สำคัญ อย่างยิ่ง นอกเหนือจากการแบ่งปันและตอบแทนสังคมแล้ว คือการให้ความรู้เกี่ยวกับระบบขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อ ความรู้เรื่องป้ายสัญญลักษณ์ต่างๆ ตามแนวท่อเพื่อป้องกันและแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ เมื่อชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจ ก็จะช่วยเป็นหูเป็นตา เฝ้าระวังแนวท่อให้กับบริษัทได้อีกทางหนึ่งด้วย
“กิจกรรมเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทจะเน้นในด้านการสาธารณสุข การศึกษา เยาวชน และสิ่งแวดล้อม เพราะนอกจากบริษัทจะดำเนินธุรกิจที่มีผลตอบแทนแล้ว เรายังมีจิตสำนึกที่ต้องร่วมแบ่งปัน และตอบแทนสังคม ตลอดเวลาแห่งความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจ ก้าวสู่ปีที่ 30 ในปีนี้ เราตั้งเป้าหมายว่า นอกจาก พื้นที่ที่ตามแนวท่อส่งน้ำมันและคลังน้ำมันทั้ง 2 แห่งของบริษัทแล้ว เราจะขยายพื้นที่สำหรับ กิจกรรม ด้านสังคม ให้เป็นวงกว้างขึ้น จุดประสงค์เพื่อให้บริษัทเป็นที่รู้จักให้มากขึ้น”