ชุมชนบุคคโลจี้รื้อโฉนด ‘กรุงธนคอมเพล็กซ์’

05 ส.ค. 2560 | 04:01 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ส.ค. 2560 | 11:01 น.
ชาวบุคคโลบุกเขตธนบุรีตามหาเขตทางสาธารณะหลัง “กรุงธนคอมเพล็กซ์” ปิดทางสัญจรที่ใช้มานาน ชี้ต้องรื้อโฉนดย้อนหลังพิสูจน์ความจริง ผอ.เขตขอหารือกรมที่ดิน-มหาดไทยและหน่วยงานเกี่ยวข้อง

นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าได้รับการร้องขอจากประชาชนชาวชุมชนบุคคโลกว่า 100 คนให้มาร่วมหารือกับสำนักงานเขตธนบุรีกรณีสถานบันเทิงชื่อดัง “กรุงธนคอมเพล็กซ์” ปิดทางเดินสาธารณะที่ประชาชนในชุมชนเดินทางเข้า-ออกมานานตั้งแต่ยุคปู่ย่าตาทวดโดยอ้างว่าเป็นที่ส่วนบุคคลจึงต้องปิดกั้นห้ามเข้า-ออก ห้ามผ่านเพื่อความปลอดภัยและรักษาทรัพย์สิน

[caption id="attachment_188772" align="aligncenter" width="503"] ยวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ จันทร์พิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์[/caption]

โดยในการหารือร่วมกับนายมนัส ประจวบจินดา ผู้อำนวยการเขตธนบุรี ขอเสนอหารือข้อกฏหมายไปยังกรมที่ดิน เพื่อทราบความชัดเจนในกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ครั้งการเริ่มซื้อที่ดินว่าโฉนดแปลงดังกล่าวกำหนดไว้อย่างไรบ้าง มีระบุภาระจำยอมไว้หรือไม่ เนื่องจากชาวบ้านอ้างว่าใช้สัญจรมาตั้งแต่ยุคปู่ย่าตาทวด ประกอบกับกรุงเทพ มหานคร (กทม.) และหน่วยงานเกี่ยวข้องยังมีการวางระบบสาธาร ณูปโภคไว้บางส่วนแล้วจึงน่าจะไม่ใช่ที่ดินส่วนบุคคล และขอให้เปิดเป็นเส้นทางสาธารณะเพื่อการสัญจรเข้า-ออกของประชาชน

“เบื้องต้นได้ข้อสรุปบางส่วนแล้วที่จะมีการหารือกับกรมที่ดินและกระทรวงมหาดไทยเพื่อสืบค้นต้นเรื่องของความเป็นมาของที่ดินแปลงดังกล่าว หลังจากนั้นจึงจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ หากโฉนดมีระบุไว้เป็นทางสาธารณะเขตธนบุรีก็จะต้องทำเรื่องแจ้งไปยังกรุงธนคอมเพล็กซ์เพื่อเร่งเปิดทางดังกล่าวให้กับชุมชนใช้สัญจรโดยเร็วต่อไป” นายวิลาศกล่าว

ด้านนายมนัส ประจวบจินดา ผู้อำนวยการเขตธนบุรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายโยธา ฝ่ายกฎหมายไปจัดทำหนังสือขอหารือกับกรมที่ดินเพื่อค้นต้นเรื่องของที่ดินแปลงดังกล่าว พร้อมกับหารือไปยังกระทรวงมหาดไทย หากได้ความชัดเจนแล้วจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้ โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 2-3 วันนี้ และเบื้องต้นได้ขอให้กรุงธนคอมเพล็กซ์รื้อสิ่งปิดกั้นนั้นออกไปก่อนเพื่อเปิดทางสัญจรให้ประชาชนใช้บริการจนกว่าจะได้ความชัดเจน

ด้านประชาชนรายหนึ่งที่มาร่วมหารือในครั้งนี้กล่าวว่า คงต้องมีการรื้อโฉนดที่ดินตั้งแต่จะมีการซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าวใหม่เพื่อพิสูจน์ความจริงว่าแปลงดังกล่าวนั้นจะมีภาระจำยอมกำหนดไว้หรือไม่ และเหตุใดจึงมีการรวมแปลงทั้งหมดเป็นผืนเดียวกัน

“ประการสำคัญยังพบอีกว่าหลายอาคารในโซนบุคคโลพบว่ามีการถมที่ดินปิดกั้นลำราง ลำประโดงสาธารณะ อาทิ ที่ดินในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยลุมพินี ท่าพระ ซึ่งหากเขตจะขุดคุ้ยเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้วก็ควรจะดำเนินการไปพร้อมกันเพื่อให้ทราบว่าอาคารขนาดใหญ่ทำไมถึงไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประ ชาชนและชุมชนในพื้นที่นั้นๆ”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,284 วันที่ 3 -5 สิงหาคม พ.ศ. 2560