ธุรกิจมะกันกังวลการเลือกตั้ง ส่งสัญญาณชะลอการลงทุนออกไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน

19 ส.ค. 2559 | 23:00 น.
ความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ สร้างความหวั่นใจให้กับภาคธุรกิจ โดยมีแนวโน้มบ่งชี้ว่าธุรกิจหลายรายอาจจะชะลอการลงทุนออกไปในช่วงนี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ได้แสดงความไม่แน่ใจต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ โดยแสดงความกังวลว่าบรรยากาศของการเลือกตั้งที่ดูไม่สดใสจะส่งผลให้ผู้บริโภคไม่กระตือรือร้นที่จะใช้จ่าย

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอาจเป็นปัจจัยที่ช่วยอธิบายได้ว่าเหตุใดข้อมูลที่เป็นดัชนีบ่งชี้สภาวะเศรษฐกิจหลักๆ หลายตัวในช่วงที่ผ่านมาจึงอ่อนแอกว่าความคาดหมาย การใช้จ่ายของผู้บริโภคไม่ขยายตัวมากเท่าที่คาด ขณะที่บริษัทต่างๆ ลังเลที่จะลงทุน ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม

ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐฯ พบว่า มีสมาชิก 11% ที่กล่าวว่าได้เลื่อนการตัดสินใจจ้างงานหรือลงทุนออกไปจนกว่าการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนจะผ่านพ้นไป ขณะที่กว่าครึ่งมองการเลือกตั้งในปีนี้ว่าเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจ ส่วนที่เหลือกล่าวว่าไม่แน่ใจหรือมีความเห็นเป็นกลาง

"ไม่มีใครกล่าวว่าการเลือกตั้งเป็นปัจจัยบวก" เควิน สวิฟต์ หัวหน้าคณะกรรมการสำรวจความคิดเห็นของสมาคม กล่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในทุกครั้งก่อให้เกิดความไม่แน่นอนต่อทิศทางของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประเด็นที่มีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงให้ความสำคัญลำดับต้นๆ เสมอมา อย่างไรก็ตาม ทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของผู้สมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้มีความแตกต่างจากเดิมมาก จนอาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อการทำธุรกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ที่ส่งสัญญาณว่าไม่สนับสนุนการทำข้อตกลงการค้าเสรีและต้องการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า ขณะที่นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ก็มีแผนจะเสนอการเก็บภาษีใหม่สำหรับภาคธุรกิจ

ในเวลานี้หลายบริษัทไม่กระตือรือร้นที่จะขยายธุรกิจ มูลค่าการลงทุนด้านโรงงาน เครื่องจักร และเทคโนโลยีของภาคธุรกิจในสหรัฐฯ ลดลงติดต่อกันมาแล้ว 3 ไตรมาส ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายกล่าวว่า การลงทุนจะไม่กระเตื้องขึ้นจนกว่าจะมีความชัดเจนหลังเดือนพฤศจิกายน

"มีความไม่แน่นอนสูง ความคาดหวังต่อบรรยากาศการทำธุรกิจที่ดีขึ้นอยู่ในระดับต่ำ และอนาคตการลงทุนของภาคธุรกิจดูอ่อนแอ" บิล ดังเคลเบิร์ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสมาพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติกล่าว โดยทางสมาพันธ์ทำการสำรวจความคิดเห็นและพบว่า บรรยากาศทางการเมืองเป็นเหตุผลของการชะลอการใช้จ่ายเป็นอันดับ 2 รองจากเศรษฐกิจ

การชะลอตัวของการลงทุนเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในครึ่งแรกของปีเติบโตได้เฉลี่ยเพียงประมาณ 1% ผู้บริโภคมีบทบาทสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการเติบโต โดยมียอดขายสินค้าออนไลน์และรถยนต์เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ อย่างไรก็ดี รายได้ของธุรกิจค้าปลีกในเดือนกรกฎาคมที่ไม่มีการเติบโต ผิดจากความคาดหมาย ก็อาจเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มลังเลที่จะใช้จ่ายมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยจำนวนมากที่สร้างความท้าทายให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ นับตั้งแต่ต้นปี ราคาน้ำมันในระดับต่ำ ความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการตัดสินใจออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ ต่างส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโลกและต่อเนื่องมาถึงแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,184 วันที่ 18 - 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559