“อินเดีย”ลั่นชิงโอท็อปโลก เล็งเป้าส่งออก 6 หมื่นล้านดอลล์

16 เม.ย. 2564 | 06:33 น.

อินเดีย เลียนโมเดลญี่ปุ่น เดินหน้าโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(โอท็อป)สู่ตลาดโลกเต็มสูบ เล็งเป้า ปี 2565 ส่งออก 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ชี้สินค้าเด่นทั่วประเทศมีเพียบ

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต. / ทูตพาณิชย์) ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลของสื่ออินเดียว่า อินเดียเดินหน้าโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์สู่ตลาดโลก ตามนโยบายอินเดียพึ่งพาตนเอง (Atma Nirbhar Bharat) รัฐบาลในระดับรัฐกำลังพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะในภาคเกษตรเพื่อสามารถต่อยอดการผลิตและมีรายได้เสริม โดยได้นำแนวทางของญี่ปุ่นมาใช้คือ One District One Focus Product (ODOP) และจะคัดเลือกชุมชนที่มีศักยภาพในการผลิตมารับการส่งเสริมด้านการส่งออกด้วย ภายใต้โครงการ Districts as Export Hub

ทั้งนี้จะมีการพัฒนาระบบวัดผลการส่งเสริมการส่งออกในระดับรัฐและอำเภอด้วย ซึ่งในขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการส่งออกระดับรัฐและระดับอำเภอแล้ว ซึ่งมีภาคเอกชนในพื้นที่นั้น ๆ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย

“อินเดีย”ลั่นชิงโอท็อปโลก เล็งเป้าส่งออก 6 หมื่นล้านดอลล์

อินเดียตั้งเป้าที่จะส่งเสริมการส่งออกสินค้า ODOP ให้ได้มูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท คำนวณที่ 30 บาทต่อดอลลาร์)ภายในปี 2565 โดย มอบหมายให้ Indian Council of Agricultural Research (ICAR) ทำการศึกษาศักยภาพของแต่ละอำเภอและสำรวจความเห็นจากคนในท้องถิ่นเพื่อกำหนดกลุ่มสินค้าที่ควรมุ่งเน้นในแต่ละพื้นที่ (Clusters) ยกตัวอย่างเช่น สินค้าประเภทพรมที่เมือง Bhadohi น้ำหอมที่เมือง Kannauj ผลิตภัณฑ์จากข้าวที่เมือง Siddharthnagar

ในขณะที่เมือง Chittoor จะเน้นผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศเมือง NelloreKurnool เน้นผลิตภัณฑ์จากมะนาว และกำหนดให้เมือง Guntur และ Prakasam เป็นเมืองพริกและขมิ้นแปรรูป ซึ่งในแต่ละคลัสเตอร์จะมีหลายหน่วยงานเข้ามาทำกิจกรรมส่งเสริมในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ กระทรวงเกษตรและสวัสดิการเกษตรกร กระทรวงอุตสาหกรรมอาหาร กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม และ กระทรวงการท่องเที่ยว

การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจโดยคำนึงถึงศักยภาพเชิงพื้นที่ ได้ส่งผลให้ภาคเอกชนในแต่ละอำเภอต้องคำนึงถึงการวางแผนธุรกิจให้เชื่อมโยงกับศักยภาพและวัฒนธรรมของท้องถิ่นมากขึ้นด้วย เพื่อให้สามารถรับมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ และเอื้อให้ได้รับสินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย รวมทั้งจะได้รับการสนับสนุนจากร้านค้าปลีกและตลาดออนไลน์ที่เข้าร่วมโครงการด้วย ตลอดจนมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติที่จัดโดยภาครัฐโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

สคต. ณ เมืองมุมไบ มองว่า การส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรในแต่ละคลัสเตอร์ของอินเดียก่อให้เกิดความต้องการเครื่องจักรและบรรจุภัณฑ์ ต่าง ๆ จากการพบปะผู้ประกอบการที่เมืองสุรัตทำให้ทราบถึงความต้องการกระป๋องเพื่อนำมาบรรจุผลไม้แปรรูปและพริกดองซึ่งพบว่าในปี 2563 อินเดียนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 57% นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงความต้องการบริการจัดเก็บสินค้าเกษตรเพื่อนำมาแปรรูปด้วย ซึ่งอินเดียยังขาดความชำนาญด้านการจัดการไซโล โกดังและห้องเย็น

ขณะเดียวกัน ความพยายามของอินเดียในการยกระดับผู้ประกอบการชุมชนทั้งเพื่อการบริโภคภายในและการ ต่อยอดเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มระยะยาว ที่อินเดียจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทอาหาร และเกษตรแปรรูป รวมถึงของใช้บนโต๊ะอาหารเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน เครื่องหนังตุ๊กตาและของเล่น ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันเข้มข้นขึ้นทั้งในตลาดภายในประเทศอินเดียและตลาดโลก

อย่างไรก็ดี สินค้าที่มีเอกลักษณ์และใช้ความประณีต ซับซ้อนที่มีตลาดเป้าหมายเป็นผู้มีรายได้สูงจะยังคงเป็นโอกาสสำหรับผู้ส่งออกไทยต่อไป อาทิ ของใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำจากเซรามิคและสแตนเลส กระเป๋าถือสำหรับผู้หญิง รวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยควรศึกษารูปแบบ และราคาได้จากสินค้าที่จำ หน่ายอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ของอินเดีย เช่น Amazon.in และ flipkart.com เป็นต้น

อนึ่ง รัฐบาลไทยด้ตั้งเป้าหมายมูลค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(โอท็อป)เพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนล้านบาทในปีงบประมาณ 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มียอดขายที่ 2.7 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลได้เร่งส่งเสริมการส่งออกแต่ยังสะดุดจากปัญหาการระบาดของโควิด-19