จับตาดีเบตคู่ชิงรองปธน.สหรัฐ เหตุใดจึงสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์

08 ต.ค. 2563 | 00:41 น.

การโต้อภิปรายแสดงวิสัยทัศน์ หรือ การดีเบตระหว่างคู่ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ “นายไมค์ เพนซ์ VS นางคามาลา แฮร์ริส” เช้าวันนี้ ( 8 ต.ค. เวลา 8.00 น. ตามเวลาไทย หรือ 7 ต.ค. เวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ) เป็นการเวทีที่น่าจับตาและจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในบันทึกประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ

 

นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน และ นางคามาลา แฮร์ริส สมาชิกวุฒิสภา ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็น 2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. นี้ จะโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์ หรือ ดีเบต กันตามกำหนดที่กล่าวมาข้างต้น โดยที่แต่ละคนจะอยู่ในคอกกระจกเพล็กซิกลาสเพื่อป้องการการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากที่เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในหมู่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวซึ่งรวมไปถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และภริยา

รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ วัย 61 ปี ผู้รักษาตำแหน่งจากพรรครีพับลิกัน

วุฒิสมาชิกคามาลา แฮร์ริส วัย 55 ปี ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต

ด้านนักวิเคราะห์ชี้ว่า การโต้อภิปรายครั้งนี้จะเป็นการดีเบตรองประธานาธิบดีที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐอเมริกา

 

ทั้งนี้ การดีเบตรองประธานาธิบดีซึ่งจัดขึ้นเพียงรอบเดียวในเวลา 19.00-20.30 น. วันที่ 7 ต.ค.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ หรือตรงกับเวลา 08.00-09.30 น. วันที่ 8 ต.ค.นี้ ตามเวลาประเทศไทย กำหนดจัดขึ้นที่หอประชุมที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ เมืองซอลต์เลค ซิตี รัฐยูทาห์ โดยทั้งคู่ซึ่งผ่านการตรวจเชื้อโควิด-19 เรียบร้อยแล้วและมีผลออกมาเป็นลบ อยู่ในสภาวะร่างกายที่แข็งแรงดี  ฝ่ายวุฒิสมาชิกคามาลา แฮร์ริส อยู่ในวัย 55 ปี และรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ วัย 61 ปี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีเบตยกแรก "ทรัมป์ VS ไบเดน" ใครนำ ใครตาม 

CNN ชี้ดีเบตยกแรก "ไบเดน" นำ "ทรัมป์" 

โจ ไบเดน เลือก "คามาลา แฮร์ริส" ลงชิงตำแหน่งรองปธน.

 

ข่าวระบุว่า ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่ปธน.ทรัมป์กำลังเป็นผู้ป่วยโควิด-19 และก่อนหน้านั้นยังมีเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและสมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่ง รวมถึงวุฒิสมาชิกสหรัฐ 3 คน ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี ก็ได้กักตัวเองและทำงานจากบ้านตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การดีเบตของผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐรอบนี้ จะมีซูซาน เพจ หัวหน้าสำนักงานวอชิงตันของหนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมีคนเข้าร่วมฟังน้อยมาก และผู้ดีเบตทั้งคู่จะต้องรักษาระยะห่างทางสังคมมากกว่าปกติ ห้ามจับมือทั้งก่อนและหลังดีเบต และห้ามถ่ายรูปร่วมกัน

 

ที่ผ่านมาดีเบตของคู่ชิงรองประธานาธิบดีแทบไม่เคยได้รับความสนใจ แต่ปีนี้จะมีความสำคัญที่สุดนับตั้งแต่เริ่มจัดมาเมื่อ 40 ปีก่อน

โจ ไบเดน อายุใกล้ 78 ปีแล้ว ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ก็อยู่ในวัย 74 ปี

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะคู่ชิงประธานาธิบดีของทั้งสองพรรค คือ ประธานาธิบดีทรัมป์ วัย 74 ปี และนายโจ ไบเดน ที่จะมีอายุครบ 78 ปี ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ล้วนมีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ ทำให้ผู้ชนะที่ได้ตำแหน่งรองประธานาธิบดี มีโอกาสอย่างมากที่จะได้ทำหน้าที่แทนประธานาธิบดี เพราะการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 25 ที่ได้รับสัตยาบันในปี 2510 เรื่องการสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีระบุไว้ว่า หากประธานาธิบดีถูกถอดถอนจากตำแหน่ง เสียชีวิต หรือลาออก ให้รองประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งแทน หรือในกรณีที่ประธานาธิบดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่ง รองประธานาธิบดีก็จะต้องทำหน้าที่รักษาการแทน

ผู้สันทัดกรณีคาดว่า ผู้ดำเนินรายการดีเบตครั้งนี้ จะยิงคำถามเน้นเรื่องการสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดี เรื่องสุขภาพ และเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 25 มากกว่าปกติ ซึ่งรองประธานาธิบดีเพนซ์ต้องแสดงความพร้อมที่จะเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง โดยไม่สร้างความระแวงให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ที่เกรงจะถูกหักหลัง

 

ขณะเดียวกันนางคามาลา แฮร์ริส ซึ่งมีประสบการณ์คร่ำหวอดในฐานะนักกฎหมายและอัยการ ก็จำเป็นต้องฉีกตัวเองออกจากบทบาทนั้น มาเป็นผู้ที่พร้อมจะเป็นประธานาธิบดี (หากนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง เขาจะเป็นปธน.สหรัฐที่มีอายุมากที่สุดขณะเข้ารับตำแหน่ง) เพราะขณะนี้สหรัฐต้องการผู้นำที่แน่วแน่ แข็งแกร่ง เข้าอกเข้าใจ และพร้อมบริหารอย่างเป็นอิสระ