สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 13 พ.ค. รัฐบาลอินโดนีเซียเปิดเผยการตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่ม 689 ราย ซึ่งเป็นยอดผู้ป่วยใหม่รายวันที่เพิ่มขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดในประเทศเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม นับเป็นครั้งแรกที่อินโดนีเซียตรวจพบผู้ป่วยใหม่ทะลุ 600 รายในวันเดียว ส่งผลให้ขณะนี้ยอดผู้ป่วยในประเทศรวมอยู่ที่ 15,438 ราย
ด้านมาเลเซีย พบผู้ป่วยรายใหม่แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อภายในท้องถิ่น 33 ราย และผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 4 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่เป็นชาวต่างชาติ 21 ราย และที่เหลือเป็นคนท้องถิ่น
ส่วนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มจำนวน 2 รายหนึ่งเป็นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนที่จะติดเชื้อ อีกรายหนึ่งพบผลตรวจโรคเป็นบวกระหว่างชันสูตรศพ ทำให้มาเลเซียมียอดผู้เสียชีวิตรวม 111 ราย
ทำให้เมื่อเร็วนี้ผู้นำมาเลเซียต้องออกมาประกาศขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการจำกัดการเดินทางไปอีก 4 สัปดาห์จนถึงเดือนมิ.ย.หลังพบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 6,500 คน โดยมูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซียออกมา ประกาศขยายคำสั่งควบคุมการเคลื่อนย้ายแบบมีเงื่อนไข ออกไปอีก 4 สัปดาห์ จนถึงวันที่ 9 มิ.ย.นี้ เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชนจากเดิมที่มีกำหนดบังคับใช้ถึงวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา
มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ รวมถึงการห้ามการชุมนุมของคนจำนวนมาก และห้ามการเดินทางข้ามรัฐที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ซึ่งส่งผลให้การเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อร่วมการเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือ อีฎิ้ลฟิตริ ทำไม่ได้ โดยคำสั่งนี้จะอนุญาตให้ธุรกิจจำนวนหนึ่งเปิดให้บริการได้ หากปฏิบัติตามมาตรการของทางการ ซึ่งรวมถึงการรักษาความสะอาดอย่างเข้มงวดและการรักษาระยะห่าง
ส่วนอินเดีย ขยับขึ้นมาเป็นประเทศพบติดเชื้อโควิด-19สูงอันดับที่ 12 ของโลก เมื่อยอดสะสมผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 75,048 ราย แซงหน้าแคนาดา ที่มียอดรวม 72,419 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตของอินเดียยังอยู่ที่ราว 2,440 ราย
ก่อนหน้านี้ นายนเรนทรา โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย ประกาศอนุมัติงบประมาณ 2.67 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.56 ล้านล้านบาท สำหรับใช้จัดการกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการปิดประเทศนานหลายสัปดาห์