เข็นจีดีพีโต 4% รับท่องเที่ยวฟื้นปี 67 ชู 4 ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนศก.

05 มี.ค. 2564 | 19:00 น.

อาคม” ถอดสูตร ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดันมาตรการเยียวยาต่อเนื่อง  เร่งเข็น 4 ยุทธศาสตร์หลัก “เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน-ส่งเสริมการใช้ดิจิทัล-เปิดโอกาสผู้สูงวัย-หนุนธุรกิจสุขภาพ” หวังปั้นจีดีพีปีนี้ขึ้นไป 4% จากคาดการณ์ขั้นต่ำโต 2.8%

ยอมรับท่องเที่ยวดีเลย์

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “จับสัญญาณการลงทุนยุค New Normal” จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยคงไม่โตแบบ V-Shape หรือ U-Shape และคงไม่โตแบบหวือหวา และอาจไม่ทันใจ แต่จะโตแบบมั่นคงและต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจไทยไม่จำเป็นต้องโตในระดับ 7%  8% หรือ 9% แต่ถ้าโตเฉลี่ย 3% -5% ต่อปี ได้อย่างต่อเนื่องทุกปี มองว่าภาคเอกชนภาคธุรกิจจะพอใจ

ปี2564คาดการณ์เศรษฐกิจไทย(GDP) จะขยายตัวได้ 2.8% (กรอบ 2.5%-3.5%) หลังจากปี 2563 ที่ -6.1% โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวคาดหวังอยากให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ถึง 4% แต่ถือเป็นเรื่องยาก เพราะช่องว่างการผลิต หรือ Output Gap มีถึง 7%

“เศรษฐกิจไทยปีนี้คงโตไม่ถึง 4% เพราะเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับดีมานด์ต่างประเทศ ซึ่งภาคท่องเที่ยวไทยคิดเป็น 12% ของ GDP ปีนี้ผมคิดว่าดีมานด์จากต่างประเทศยังไม่มา จึงเป็นเหตุผลว่ามาตรการรัฐยังจำเป็นในการช่วยประคองเศรษฐกิจภายในประเทศ” รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง กล่าว

 

กระตุ้นใช้จ่าย-เยียวยา

สำหรับมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ออกมา ได้แก่ เราไม่ทิ้งกัน คนละครึ่ง เราชนะ และ เราเที่ยวด้วยกัน โดยรัฐบาลได้ใช้กู้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อใช้ในด้านการแพทย์ การเยียวยา และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และมีการออก พ.ร.ก.ซอฟต์โลน 5 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องภาคธุรกิจ ทั้งนี้ ภาคธุรกิจก็ต้องมีการปรับตัว ปรับโครงสร้างทางธุรกิจ ซึ่งรัฐบาลจะนำมาตรการต่างๆกลับมาทำใหม่ หรือทำซํ้า แต่จะปรับให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งการเตรียมออกมาตรการเพิ่ม เช่น โกดังเก็บหนี้ (Asset Warehousing)

รัฐมนตรีว่ากระทรวงคลัง กล่าวอีกว่า แม้ขณะนี้หลายประเทศรวมทั้งไทยจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว แต่การจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ต้องใช้เวลา พร้อมคาดว่าภาคท่องเที่ยวไทยจะกลับมาฟื้นเต็มที่ได้ในปี 66 หรือ 67

“ปีนี้ไทยยังต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก แต่ไม่ทิ้งต่างประเทศ โดยเราจะพยายามเจรจาประเทศที่พร้อม และพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศและการลดระยะเวลาการกักตัวลง” รมว.คลัง กล่าว

พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวยํ้า ถึงพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ว่า ยังเข้มแข็ง สะท้อนจากมุมมองขององค์กรต่างประเทศ ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจมหภาค ทุนสำรองระหว่างประเทศ ฐานะการคลังที่ยังมีความมั่นคง และหนี้สาธารณะที่ยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง


ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ชู4ยุทธศาสตร์เคลื่อนจีดีพี

มองไปข้างหน้า เพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตยั่งยืน จะขับเคลื่อนภายใต้ 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. การฟื้นความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติ และเป็นการฟื้นคุณภาพชีวิตของคนไทย และรัฐบาลจะเร่งปลดล็อกกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการลงทุนและการทำธุรกิจ 2. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะในหน่วยงานภาครัฐ การใช้แพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชั่นในการเข้าถึงมาตรการของภาครัฐ โดยจะมีการแก้ไขปัญหาให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนได้100% ระบบอีเพย์เม้นต์ อีไฟล์ลิ่ง รวมถึงการนำ AI หุ่นยนต์ หรือ โรบอติก มาใช้ในการทำธุรกิจ

3. การคุ้มครองประชาชนในยุคสังคมสูงอายุ ทั้งการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวของกลุ่มผู้เกษียณ การขยายอายุเกษียณ เพิ่มทักษะเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะกลุ่มผู้ว่างงานในช่วงโควิด หากจะกลับเข้าสู่ภาคแรงงาน ต้องกลับมาพร้อมกับทักษะที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ Output Gap ที่มีถึง 7% ลดลงได้ โดยรัฐบาลจะส่งเสริมการคุ้มครองทางสังคม โดยเฉพาะการส่งเสริมหลักประกันในกลุ่มแรงงานนอกระบบ และในแง่ของธุรกิจ รัฐบาลจะส่งเสริมการลงทุนที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 4. ด้านสุขภาพ โดยรัฐบาลจะส่งเสริมนโยบายเมดิคัล ทัวร์ริสซึม ซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย ผ่านมาตรการทางภาษี

ทั้งนี้ ในปี 2565 รัฐบาลจะมีการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ โดยเฉพาะด้านภาษีผ่านการปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้เอื้อต่อธุรกิจที่ส่งผลบวกต่อสังคม และออกภาษีที่โน้มน้าวไม่ให้เกิดธุรกิจที่ส่งผลลบต่อสังคม โดยรัฐมนตรีว่าการประทรวงการคลัง ได้ทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ตาม ความหวังขั้นต่ำปีนี้ เศรษฐกิจไทยคงขยายตัวที่ 2.8% และคาดหวังในปี 2565 จะขยายตัวดีขึ้นกว่าปีนี้ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เหมือนตอนร่วมมือกันป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

ที่มา : หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,659 วันที่ 7 - 10 มีนาคม พ.ศ. 2564